วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี

:: จังหวัดกาญจนบุรี ::

" แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก "

จังหวัดกาญจนบุรี :: ข้อมูลทั่วไป

กาญจนบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่มีผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำหรือน้ำตก

กาญจนบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่ามีทั้งป่าโปร่ง และป่าดงดิบ มีแม่น้ำสำคัญสองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแควน้อย ซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง ที่บริเวณอำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา

ประวัติและความเป็นมา :
พื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้ง จ.กาญจนบุรี ในปัจจุบัน มีประวัติความเป็นมา ที่ต่อเนื่อง และยาวนาน ประวัติ หน้าสุดท้ายของกาญจนบุรี ย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์หน้าแรก ได้อย่างบังเอิญ เมื่อเชลยศึก ที่ถูกเกณฑ์ มาสร้างทางรถไฟคนหนึ่ง ค้นพบเครื่องมือหิน ของมนุษย์ ก่อนประวัติศาสตร์ ระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟ บริเวณ สถานีบ้านเก่า ต.จระเข้เผือก อ.เมือง ทำให้เกิดการขุดค้นทางโบราณคดี และสามารถ ค้นพบหลักฐานของ มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก แม้จนถึงปัจจุบันยังขุดพบอยู่

ในสมัยทวารวดี ซึ่งอยู่ในสมัยประวัติศาสตร์ ของ ประเทศไทย พบซาก โบราณสถาน และ โบราณวัตถุ ที่ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี (ปัจจุบัน เป็นพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนเขาแหลม ) ซึ่งเป็นเจดีย์ ลักษณะเดียวกับ จุลประโทณเจดีย์ จ.นครปฐม เจดีย์ ที่บ้านคูบัว จ.ราชบุรี และที่เมืองอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นอกจากนี้ ยังพบฐาน เจดีย์ และ พระพิมพ์ สมัยทวารดี จำนวนมาก ที่ บ้านท่าหวี ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง อีกด้วย แสดงว่าในสมัยนั้น พื้นที่ ริมแม่น้ำหลายแห่ง ซึ่งเป็นเส้นทาง คมนาคม สำคัญ มีชุมชน หรือ เมืองโบราณ ซึ่ง มีความสัมพันธ์ กับชุมชน โบราณ ใกล้เคียงกัน

ในสมัย พุทธศตวรรษ ที่ 16-18 ขอม ได้แผ่อิทธิพล เข้ามาใน ประเทศไทย ซึ่งพบหลักฐานสำคัญ คือ ปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมีลักษณะเป็น ศิลปะขอม สมัยบายน มีอายุในช่วงสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่เป็นศิลปะขอม สมัยเดียวกัน ที่เมืองครุฑ และ เมืองกลอนโด อ.ไทรโยค

ในสมัย สุโขทัย พบหลักฐาน ในพงศาวดารเหนือ ว่า กาญจนบุรี ตกเป็นเมืองขึ้น ของ สุพรรณบุรี ตามที่กล่าวว่า พญากง ได้มาครอง เมือง กาญจนบุรี แต่ก็ไม่มีหลักฐานอื่น มาสนับสนุน ต่อมา ในสมัย อยุธยา กาญจนบุรี มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ โดยตัวเมือง ตั้งอยู่ ที่บ้านท่าเสา ต.ลาดหญ้า ใกล้เขาชนไก่ และ ยังปรากฏ หลักฐาน เป็นซากโบราณสถาน และ โบราณวัตถุ ดังที่เห็นในปัจจุบัน

กาญจนบุรี ยังคงเป็นเมืองหน้าด่าน สืบเนื่องมาจนถึง สมัยกรุงธนบุรี และ รัตนโกสินทร์ โดย ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมือง กาญจนบุรี มาตั้งใหม่ ที่บ้าน ปากแพรก เพื่อมาตั้งรับทัพ พม่า ที่เดินทัพ ลงมาตามลำน้ำแม่กลอง เพื่อเข้าตี กรุงเทพฯ ได้มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมือง อย่างมั่นคง ใน สมัยรัชกาลที่ 3 และให้มีเจ้าเมือง คือ พระประสิทธิสงคราม นอกจากนั้น ยังตั้งหัวเมืองเล็กๆ ตามรายทาง เป็นหน้าด่านอีกเจ็ดแห่ง

สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดรูปแบบการปกครองประเทศใหม่ เป็นมณฑลเทศาภิบาล เมือง กาญจนบุรี ถูกโอนมาขึ้นกับมณฑล ราชบุรี และ แบ่งการปกครองเป็นสามอำเภอ คือ อ.เมือง อ.เหนือ (ปัจจุบันคือ อ.ท่าม่วง) และ อ.ใต้ (ปัจจุบัน คือ อ.พนมทวน) และต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2467 ได้ตั้งอำเภอเพิ่มอีกสองแห่ง คือ อ.ท่ามะกา และ อ.ทองผาภูมิ กับ กิ่ง อ.สังขละบุรี

ในช่วงสงคราม มหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่น ตัดสินใจสร้างทางรถไฟ สาย ไทย - พม่า เชื่อมจากสถานีหนองปลาดุก จ.ราชบุรี ผ่าน กาญจนบุรี เลาะริมแม่น้ำแควน้อย ไปเชื่อมกับ ทางรถไฟ ที่สร้างมาจาก พม่า ที่ด่านเจดีย์สามองค์ เป็นทางรถไฟ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และมีผู้คนจำนวนมาก เดินทางมาเยี่ยมชม เพื่อคาราวะ ต่อดวงวิญญาณ ผู้เสียชีวิต และรำลึก ถึงความโหดร้าย ทารุณ ของสงคราม

อาณาเขต :
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดตากและสหภาพเมียนม่าร์
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดราชบุรีและจังหวัดนครปฐม
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับสหภาพเมียนม่าร์

ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ
อำเภอเมือง -- กิโลเมตร
อำเภอท่าม่วง 12 กิโลเมตร
อำเภอพนมทวน 24 กิโลเมตร
อำเภอท่ามะกา 30 กิโลเมตร
อำเภอด่านมะขามเตี้ย 30 กิโลเมตร
อำเภอบ่อพลอย 40 กิโลเมตร
อำเภอไทรโยค 50 กิโลเมตร
อำเภอห้วยกระเจา 64 กิโลเมตร
อำเภอหนองปรือ 75 กิโลเมตร
อำเภอเลาขวัญ 98 กิโลเมตร
อำเภอศรีสวัสดิ์ 102 กิโลเมตร
อำเภอทองผาภูมิ 145 กิโลเมตร
อำเภอสังขละบุรี 230 กิโลเมตร

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 034)
งานข่าวสารการท่องเที่ยว ททท.
02-694-1222 ต่อ 8 , 02-282-9773

ททท.ภาคกลาง เขต 1 (กาญจนบุรี)
034-511-200 , 034-512-500

ประชาสัมพันธ์จังหวัด
034-512-410 , 034-514-756

ตำรวจท่องเที่ยว
034-512-795

สภ.อ.เมืองกาญจนบุรี
034-621-040-2

สภ.อ.ด่านมะขามเตี้ย
034-642-098

สภ.ต.ด่านแม่แฉลบ
034-597-067

สภ.อ.ทองผาภูมิ
034-599-120 , 034-599-113

สภ.อ.ท่าม่วง
034-611-888 , 611-020

สภ.อ.ท่ามะกา
034-541-040 , 034-640-579

สภ.ต.ท่าเรือ
034-561-030

สภ.อ.ไทรโยค
034-591-030 , 034-591-026

สภ.อ.บ่อพลอย
034-581-244

สภ.อ.พนมทวน
034-579-053 , 034-579-303-4

สภ.ต.ลาดหญ้า
034-589-244

สภ.ต.ลูกแก
034-566-068

สภ.อ.เลาขวัญ
034-576-119 , 034-576-331

สภ.อ.ศรีสวัสดิ์
034-574-220

สภ.อ.สังขละบุรี
034-595-300

สภ.ต.หนองขาว
034-586-113

สภ.อ.หนองปรือ
034-645-234

สภ.อ.ห้วยกระเจา
034-650-042

รพ.กาญจนบุรีเมมโมเรียล
034-624-189-93

รพ.ชนะกาญจน์
034-622-366

รพ.พหลพลพยุหเสนา
034-511-233 , 034-622-999

รพ.แสงชูโต
034-621-127

รพ.เจ้าคุณไพบูลย์พนมทวน
034-630-409

รพ.ด่านมะขามเตี้ย
034-642-102-3

รพ.ท่ากระดาน
034-516-535

รพ.ท่าม่วง
034-611-033 , 034-626-268-9

รพ.ท่าเรือ
034-561-084 , 034-561-335

รพ.ไทรโยค
034-591-034

รพ.บ่อพลอย
034-581-139 , 034-581-160

รพ.พระบารมี
034-645-234

รพ.มะการักษ์
034-542-031 , 034-542-035

รพ.เลาขวัญ
034-576-050

รพ.สังขละบุรี
034-595-058

สำนักงานเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
034-511-502-2

ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี
034-511-040 , 034-622-952

บริษัท ขนส่ง จำกัด
034-511-387

สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี
034-511-182

สถานีรถไฟกาญจนบุรี
034-511-285


:: โรงแรม กาญจนบุรี ที่พัก กาญจนบุรี ::


** ช่วงเทศกาล งานประเพณี วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ ห้องพักตามโรงแรม รีสอร์ทสวยๆ
บางแห่งมักจะเต็มเร็ว ... เพื่อความมั่นใจ กรุณาวางแผนจองห้องพักล่วงหน้าแต่เนิ่นๆครับ ** [ วิธีการจองที่พัก ]



โรงแรม กาญจนบุรี ที่พัก กาญจนบุรี

สายธารรีสอร์ท และปางช้างไทรโยค ไทรโยค, กาญจนบุรี
แพพี่ต้น เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
เลกาซี ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Legacy River Kwai Resort) Dan Makham Tia
Hin Tok River Camp Hell Fire Pass
รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา (Royal Riverkwai Resort & Spa) Kanchanaburi-Saiyok Road
โรงแรม ริเวอร์แคว โบตานิค การ์เด้น (River Kwai Botanic Garden) Kwai Noi
ผึ้งหวาน แควใหญ่ รีสอร์ท (Pung-Waan Kwai Yai Resort) Kwai Yai
คำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Comsaed River Kwai Resort & Spa) Kwai Yai
พาวิลเลี่ยน ริมแคว รีสอร์ท (Pavilion Rim Kwai Resort) Ladya-Erawan Road
ริเวอร์แคว โฮเทล (River Kwai Hotel) Muang
ไทรโยค ริเวอร์วิว รีสอร์ท (Saiyok Riverview Resort) Saiyoke
เรือนแพ จังเกิ้ลราฟท์ (River Kwai Jungle Rafts) Saiyoke
รีโซเทล แก่งละว้า (River Kwai Resotel) Saiyoke
โรงแรม ริเวอร์แคว วิลเลจ (River Kwai Village Hotel) Saiyoke
ผึ้งหวาน แควน้อย รีสอร์ท (Pung-Waan Kwai Noi Resort) Saiyoke
พงษ์สุดา ชาเล่ต์ (Pongsuda Chalet) Saiyoke
หม่อมไฉไล ฟอเรสท์ รีทรีท (Momchailai Forest Retreat) Saiyoke
เดือนฉาย รีสอร์ท (Duenshine Resort) Thamakham
เฟลิก ริเวอร์แคว (Felix River Kwai) Thamakham
ผาตาด วัลเล่ย์ ฮอทสปริง รีสอร์ท (Phatad Valley Hot Spring Resort) Thongpaphum
นิชิโกะ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ (Nichigo Resort & Country Club) Wangdong
โรงแรม เอกไพลิน ริเวอร์แคว (Ake-Pailin River Kwai Hotel) Wangdong



จังหวัดกาญจนบุรี :: กิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจ

ดูดาว หอดูดาวเกิดแก้ว

ตั้งอยู่ที่ตำบลหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 323 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 3086 (กาญจนบุรี-บ่อพลอย) กิโลเมตรที่ 49 ทางซ้ายมือ จะมีป้ายเขียนชื่อไร่ พล.อ.ท. สำเริง เกิดแก้ว เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับดวงดาวและธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติและสนใจในด้านดาราศาสตร์ ภายในบริเวณจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับการดูดาว มีหอดูดาวรูปโดมและที่พักรูปแบบแค๊ปซูล สนใจกิจกรรมควรติดต่อล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ที่ น.ท.ฐากูรย์ เกิดแก้ว โทร. 0 1927 4140 หรือ คุณแอนนา เกิดแก้ว โทร. 0 1848 6482 หรือ http://www.kirdkao.org/ หรือ ติดต่อทางไปรษณีย์ที่ หอดูดาวเกิดแก้ว ตู้ ปณ. 3 ปณฝ. กองทัพอากาศ กทม. 10213

เดินป่า

เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ มีอยู่หลายเส้นทาง แต่เส้นทางที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วไป มักจะเป็นเส้นทางเดินที่อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ จัดทำขึ้น หรือ เส้นทางเดินป่าเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่รถยนต์เข้าไปไม่ถึง เช่น

- เส้นทางเดินป่าจากถ้ำธารลอดน้อยไปถ้ำธารลอดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง
- เส้นทางเดินป่าไปยังน้ำตกกระเต็งเจงในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ใช้เวลา 3 ชั่วโมง จุดเด่นได้แก่ พันธุ์ไม้ต่างๆ น้ำตก
- เส้นทางเดินป่าบริเวณเหมืองเต่าดำ อำเภอไทรโยค จุดเด่นได้แก่ พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า น้ำตก
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติ นพ.บุญส่ง เลขะกุล ในสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
- เส้นทางเดินป่าจากน้ำตกผาตาดสู่น้ำตกผาสวรรค์


จักรยานภูเขา

จากสภาพภูมิประเทศที่สวยงามของจังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวโดยจักรยานภูเขา ไปตามถนนสายต่าง ๆ ในจังหวัดไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆได้ โดยมีเส้นทางที่นิยม ได้แก่

- เส้นทางจากตัวจังหวัดข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราช ไปยังวัดถ้ำเขาปูน-สวนหินสมเด็จพระศรีนครินทร์-ถ้ำพุหว้า ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร สภาพถนนลาดยางตลอด
- เส้นทางจากรีโซเทล แก่งละว้ารีสอร์ท ไปยังถ้ำละว้า ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร สภาพเส้นทางเป็นถนนดิน เส้นทางจากปากทางบ้านเขาเหล็ก ตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ ไปยังถ้ำธารลอดใหญ่ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร สภาพถนนเป็นดินลูกรัง
- เส้นทางจักรยานรอบหมู่บ้านหนองขาว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านรอบหมู่บ้านหนองขาวระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร สภาพถนนเป็นดินลูกรังสลับถนนคอนกรีต

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเส้นทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักท่องเที่ยว


ล่องแก่ง แคนู

สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยบนสายน้ำเชี่ยว สามารถติดต่อบริษัทนำเที่ยวในตัวจังหวัด ที่ให้บริการล่องแก่ง และเรือแคนู ซึ่งมีหลายบริษัท สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงาน ททท. จังหวัดกาญจนบุรี โดยเส้นทางที่นิยม ล่องแก่งและแคนู ในจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่

- แม่น้ำน้อย ช่วงหมู่บ้านแม่น้ำน้อยถึงน้ำตกไทรโยคใหญ่ (แคนู, แพไม้ไผ่) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
- แม่น้ำแควน้อย จากบริเวณน้ำตกไทรโยคใหญ่ไปถ้ำละว้า หรือ จังเกิ้ลราฟท์รีสอร์ท(แคนู) ระยะทางประมาณ 3 ชั่วโมง
- แม่น้ำแควใหญ่ จากสะพานข้ามแม่น้ำแควถึงบริเวณหน้าเมือง(แคนู) ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
- แม่น้ำซองกาเลีย จากหมู่บ้านสะเน่ห์พ่องถึงบ้านซองกาเลีย อำเภอสังขละบุรี (แคนู แพยาง แพไม้ไผ่) ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเส้นทางโดยนักท่องเที่ยวที่สนใจต้องติดต่อผ่านบริษัทนำเที่ยวและเลือกเส้นทางที่สนใจ


ขี่ช้างชมธรรมชาติ

กาญจนบุรีมีแค้มป์ช้าง เปิดให้บริการขี่ช้างชมธรรมชาติอยู่หลายแห่ง โดยนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียด สถานที่ติดต่อได้ที่สำนักงาน ททท. กาญจนบุรี หรือจะใช้บริการของบริษัทนำเที่ยว ที่มีรายการขี่ช้างล่องแก่งก็ได้

ดูนก

สถานที่ดูนกในจังหวัดกาญจนบุรีส่วนใหญ่ได้แก่ อุทยานแห่งชาติต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของนก ซึ่งสถานที่ที่เป็นที่นิยมในการดูนกได้แก่

- สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์
- บริเวณบึงเกริงกระเวียใกล้กับน้ำตกเกริงกระเวีย อำเภอสังขละบุรี
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ
- ป่าเหมืองเต่าดำ อำเภอไทรโยค
- บริเวณริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม)



จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ
ไปตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ บริเวณ ต.ห้วยสะด่อง กม.ที่ 11 ประมาณ 27 กิโลเมตร จากตัวเมืองกาจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอศรีสวัสดิ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และประกอบด้วยที่ราบระหว่างหุบเขา เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำแควใหญ่ ยอดเขาสูงที่สุด คือ เขาหัวโล้นสูงประมาณ 1,170 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อยู่บริเวณตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2508 นับเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการศึกษาธรรมชาติ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ 1.เส้นห้วยลำอีซู 2.เส้นห้วยสะด่อง 3.เส้นทุ่งสลักพระ และยังมีเส้นทางที่สามารถเดินไปชมทิวทัศน์ริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ห้วยแม่ละมุ่น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3458 4032

โบราณสถานในเขตเมืองกาญจนบุรีเก่า
ตั้งอยู่ในเขตตำบลลาดหญ้า ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 และเข้าทางหลวงหมายเลข 3199 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 2-3 บริเวณนี้เคยเป็นเมืองหน้าด่าน สกัดกั้นการเดินทัพของพม่าซึ่งยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณ พ.ศ. 2091-2327 สภาพปัจจุบันยังคงเหลือร่องรอยของแนวกำแพงดิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 167 x 355 เมตร มีป้อมค่ายอยู่ทั้ง 4 มุม

โบราณสถานโดยรอบในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้แก่

วัดป่าเลไลยก์ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่าวัดผ่าอก แต่เดิมภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ภายในมณฑป ได้ถูกคนลักลอบเจาะอกพระจนทะลุ จึงได้เรียกกันว่าวัดผ่าอก ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ขึ้นแทน โบราณสถานบริเวณวัดป่าเลไลย์ ประกอบด้วย มณฑป วิหาร และเจดีย์ทรงกลมก่อด้วยอิฐสอดินฉาบปูน

วัดขุนแผน จากวัดป่าเลไลยก์ทางเข้าด้านข้าง วัดนี้เข้าไปทางค่ายฝึกสำรวจคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวัดร้างที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระปรางค์เป็นหลักสำคัญของวัด ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระปรางค์ พระอุโบสถ เจดีย์ประจำทิศ เจดีย์ราย และวิหาร ปัจจุบันคงยังมองเห็นเฉพาะซากพระปรางค์เท่านั้น

วัดแม่หม้าย เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ห่างจากวัดขุนแผนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 300 เมตร มีโบราณสถานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทางด้านทิศเหนือประกอบด้วยเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่มีฐานประทักษิณ วิหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และกลุ่มทางด้านทิศใต้ประกอบด้วย วิหารขนาดกลาง เจดีย์ราย และกำแพงแก้วล้อมรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทั้งสองกลุ่มมีสระล้างกระดูกอยู่ระหว่างกลาง

นอกจากนี้ยังมีวัดนางพิมหรือวัดกาญจนบุรีเก่า รวมอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

วัดถ้ำมังกรทอง
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร บนฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ตั้งอยู่เชิงเขา วัดนี้สร้างขึ้นในปี 2447 เหตุที่ได้ชื่อว่าถ้ำมังกรทองก็เนื่องจากมีถ้ำขนาดเล็กอยู่บนยอดเขา โดยราวบันไดขึ้นสู่ถ้ำสร้างเป็นรูปมังกรสองตัวขนาดใหญ่ขนานกันไปจนสุดทางที่ปากถ้ำ มีบันไดทั้งหมด 95 ขั้น ที่ตรงปากถ้ำมีหินใหญ่ทำเป็นหน้าสิงโตดูน่าเกรงขาม วัดถ้ำมังกรทองยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เกี่ยวกับการทำสมาธิลอยตัวในน้ำ ที่เยกกันว่า "แม่ชีลอยน้ำ" โดยเสียค่าเข้าชม(ทำบุญ) 10 บาทต่อคน มีผู้สนใจมาชมการแสดงลอยตัวในน้ำเป็นประจำ

การเดินทาง จากถนนแสงชูโตใช้เส้นทางที่แยกซ้ายจากหน้าศาลากลางจังหวัดไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองไปยังวัดถ้ำมังกรทอง

วัดถ้ำเขาปูน
อยู่เลยสุสานสัมพันธมิตรช่องไก่ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 6 กิโลเมตร บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีถ้ำขนาดกลางอยู่ในบริเวณวัด ซี่งภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ ด้านหลังวัดติดริมน้ำ มีพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา

วัดถ้ำพุหว้า
ตั้งอยู่ตำบลหนองหญ้า วัดนี้เป็นสาขาหนึ่งของวัดปากน้ำ บรรยากาศโดยรอบสะอาดร่มรื่น เงียบสงบ สวยงาม ลักษณะภูมิประเทศโอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยงดงาม มีพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานเป็นประธาน และถ้ำนี้ยังใช้เป็นพระอุโบสถเพื่อใช้ในพิธีอุปสมบทอีกด้วย การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3229 ประมาณกิโลเมตรที่ 17

วัดถ้ำพุทธาวาส (ถ้ำพุพระหรือวัดถ้ำขุนแผน)
เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงมีตำนานเล่าว่า ขุนแผนได้นำเอากุมารทองมาย่างในถ้ำนี้ ถ้ำพุพระอยู่บนเส้นทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงกิโลเมตรที่ 7-8 เยื้องสถาบันราชภัฏกาญจนบุรี แยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร มีรถประจำทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค วิ่งผ่านปากทางไปสู่ถ้ำนี้ด้วย โดยจะต้องเดินเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (สวนหิน)
ตั้งอยู่ที่ทุ่งนาคราช ตำบลหนองหญ้า ในบริเวณวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี มีเนื้อที่ 600 ไร่ ประชาชนทั่วไป เรียกว่า สวนหินหรืออุทยานหิน บริเวณโดยรอบมีหินงอกขนาดเล็กใหญ่ลักษณะต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากอย่างมีระเบียบ และยังเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ป่าชนิดต่างๆ อีกด้วย

การเดินทาง สามารถเดินทางจากถนนแสงชูโต ข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร โดยผ่านสุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ วัดถ้ำเขาปูนไปไม่ไกลนักจะพบสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์

สวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรี
ตั้งอยู่ที่บ้านพุประดู่ ตำบลหนองบัว ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 3229 กิโลเมตรที่ 16–17 จะมีทางแยกเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร สวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรีเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ย้ายมาจากทุ่งสีกัน บนพื้นที่ 38 ไร่ ปัจจุบันมีสุนัขมากที่สุด นอกนั้นจะเป็นแมว โค กระบือ แพะ และแกะ เหมาะสำหรับผู้ที่รักสัตว์ สามารถมาขอรับสุนัขไปเลี้ยงได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 1763 3467, 0 1914 3444

สะพานข้ามแม่น้ำแคว
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กิโลเมตร แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร มีป้ายชี้บอกทางไว้ชัดเจน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดียอีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงคราม และโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง

นอกจากนี้ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควมีบริการรถราง Fairmong ทุกวัน โดยวันธรรมดาจะมีตั้งแต่เวลา 08.00-19.30 น., 11.20-14.00 น., 15.00-16.00 น., และ 18.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.30 น., 11.20-14.00 น., และ18.00-18.30 น. ค่าโดยสารคนละ 20 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1200, 0 3451 2500

หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสถานที่เก็บรักษา สิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โครงกระดูกของเชลยสงคราม และภาพถ่ายเหตุการณ์ในสมัยนั้น นอกจากนี้บางส่วนยังจัดทำเป็นหอศิลป์ เก็บรวบรวมสิ่งของต่างๆ เช่น แสตมป์ ไปรษณียบัตรโบราณ เพชร พลอย และเครื่องประดับ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00–18.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 2596

ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี
ตั้งอยู่ที่สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี ตำบลหนองบัว บนถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค (ทางหลวงหมายเลข 323) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ชั้นล่างจัดแสดงเครื่องใช้ภายในครัวเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เครื่องมือในการจับปลา ชั้นบนมีห้องประวัติศาสตร์ ห้องศาสนาและประเพณี มีหนังสือไทยโบราณและศิลปะวัตถุต่างๆ ด้านข้างอาคารศูนย์ฯ มีหลุมขุดค้นทางประวัติศาสตร์ ศูนย์วัฒนธรรมฯ เปิดให้ชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี โทร. 0 3463 3227-8 ต่อ 650 โทรสาร 0 3463 3224

สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ (Chungkai War Cemetery)
สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย บริเวณท่าน้ำเมืองกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางแม่น้ำแควน้อยประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปโดยขับรถข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรที่ท่าน้ำหน้าเมือง สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่เคยเป็นที่ตั้งของค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ บริเวณสุสานสงบและสวยงาม มีขนาดเล็กกว่าสุสานดอนรัก บรรจุศพทหารเชลยศึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ ประมาณ 1,740 หลุม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.cwgc.org/

สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนจะเข้าตัวเมือง สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสุสานมีเนื้อที่กว้างขวางสวยงามและเงียบสงบ ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์การสู้รบและผลลัพธ์ที่ตามมา สุสานแห่งนี้บรรจุศพทหารเชลยศึกถึง 6,982 หลุม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1500

อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ
ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ตำบลช่องสะเดา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 45 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์) ประมาณกิโลเมตรที่ 24 เป็นสถานที่รวบรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ ซึ่งเป็นสงครามครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าในปี พ.ศ. 2328 ชัยชนะในสงครามครั้งนี้โดยเฉพาะในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราช และดำรงความเป็นชาติมาถึงปัจจุบัน ภายในอาคารจะเป็นตู้จำลองเหตุการณ์ และโต๊ะทรายแสดงภูมิประเทศ จำลองเส้นทางการเดินทัพของข้าศึก นอกจากนี้ยังมีหอสังเกตการณ์ เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ เข้าใจการเลือกใช้ภูมิประเทศในการเดินทัพ และจุดสกัดกั้นทัพพม่าได้ชัดเจนขึ้น เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (ไม่เสียค่าเข้าชม) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายยุทธการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี โทร. 0 3458 9233-5 ต่อ 51015-6 โทรสาร 0 3458 9236

กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์
มีโครงการท่องเที่ยวในเขตทหารเพื่อบริการประชาชนผู้สนใจทั่วไป ภายในค่ายมีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ อนุสาวรีย์ขุนรัตนาวุธ ผู้นำกองทหารดาบทลวงฟันสมัยสงครามเก้าทัพ อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเวียดนาม สวนสัตว์ และมีกิจกรรมผจญภัยที่น่าท้าทายหลายอย่างได้แก่ ไต่หน้าผา กระโดดหอ สนามประลองยุทธยิงปืน Paint Ball จักรยานเสือภูเขา เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดตั้งแต่ 8.30-17.00 น.

ค่ายฝึกเขาชนไก่
ตั้งอยู่ที่ตำบลลาดหญ้า ห่างจากกรุงเทพฯ 150 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์) ประมาณ 3 กิโลเมตร ห่างจกตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นสถานที่ฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ในเวลาเสร็จสิ้นการฝึก จะเปิดเป็นค่ายฝึกสำหรับประชาชนทั่วไปได้เข้าชม พร้อมทั้งสนุกกันกิจกรรมทดสอบกำลังใจของทหาร เช่น การโดดหอสูง การยิงปืน การไต่เชือกข้ามลำน้ำ ชมพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และยังมีบริการที่พักไว้บริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานท่องเที่ยวกรมการรักษาดินแดน โทร. 0 2221 2871 หรือ สำนักงานท่องเที่ยวเขาชนไก่ โทร. 0 3458 9237

ต้นจามจุรียักษ์
อยู่บนเส้นทางไปอำเภอด่านมะขามเตี้ย บ้านกสิกรรม หมู่ 5 ต.เกาะสำโรง หากมาจากวัดถ้ำมังกร เลยจากวัดถ้ำมังกรไปประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าไปในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก ผ่านวัดถ้ำมุนีย์นาถ แล้วเลี้ยวขวา ต้นจามจุรียักษ์มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75 เมตร ความสูงเรือนยอด 20 เมตร มีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา มีทรงพุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตสวยงามร่มรื่น ซึ่งปัจจุบันหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยาก

ถ้ำมะเดื่อ
อยู่ในบริเวณวัดถ้ำมะเดื่อ ตำบลบ้านเก่า ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร การเดินทาง จากป้อมตำรวจบ้านเก่า ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ไปตามทางหลวงหมายเลข 3445 ประมาณ 8 กิโลเมตรถึงค่ายไทรโยค เข้าไปในค่ายไทรโยคประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อเดินทางไปควรติดต่อกับทางวัด โดยทางวัดได้ติดตั้งไฟไว้ เพื่อให้เห็นสภาพภายในถ้ำที่มีเนื้อที่กว้างขวาง มีหินงอกหินย้อยสวยงามแตกต่างกันไป ต้องใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมง

ทางรถไฟสายมรณะ
ทางรถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า รวมระยะทางในเขตประเทศไทย 300 กิโลเมตร ใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกเลาะทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม ทางรถไฟสายนี้ ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น จากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้าง ของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ที่เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถบนเส้นทางสายนี้ทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ-น้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 หรือที่ 1690 หรือที่เว็บไซต์ http://www.railway.co.th/

ประตูเมือง
ตั้งอยู่กลางเมืองกาญจนบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2374 ซึ่งพระองค์ได้ทรงย้ายมาจากเมืองกาญจนบุรีเก่า ตำบลลาดหญ้า มาอยู่ในที่ปัจจุบัน

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า
ตั้งอยู่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 35 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 323 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3229 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3455 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าทางวัดท่าโป๊ะประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดี เกี่ยวกับมนุษย์สมัยหิน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2506 สิ่งที่ค้นพบ ได้แก่ โครงกระดูกมนุษย์ ขวานหิน เครื่องประดับและเครื่องปั้นดินเผา เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3465 4058

พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก (THE JEATH WAR MUSEUM)
จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เชลยศึกที่เสียชีวิต เพราะการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะกว่า 16,000 คน ตั้งอยู่ในวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ตำบลบ้านใต้ อยู่ห่างจากถนนแสงชูโต ประมาณ 300 เมตร ตัวอาคารสร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่เลียนแบบค่ายเชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมภาพถ่าย ภาพเขียน และบทความที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของเชลยศึก ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ อาวุธปืนและลูกระเบิดในสมัยนั้น เพื่อสะท้อนให้เห็นบทเรียนอันน่าสะพรึงกลัวของสงคราม เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1263

พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า
ตั้งอยู่ใกล้กับสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายไทย-พม่า เริ่มตั้งแต่การเข้ามาของญี่ปุ่น การออกแบบและการสร้างทางรถไฟ สภาพภูมิศาสตร์ของทางรถไฟ สภาพชีวิตในค่ายเชลยศึก ด้านการแพทย์ ค่าของสงคราม การปฏิบัติการของทางรถไฟ การทิ้งระเบิดและการทำลายทางรถไฟ และเหตุการณ์หลังจากสงครามยุติ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี) 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 0067, 0 3451 2721 หรือ http://www.tbrconline.com/ หรือ E-mail: admin@tbrconline.com



จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอหนองปรือ

โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตั้งอยู่ที่ตำบลสมเด็จเจริญ ไปตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-หนองปรือ–ด่านช้าง (ทางหลวงหมายเลข 3086) ประมาณ 71 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3480 อีก 20 กิโลเมตร โครงการนี้มีพื้นที่กว่าสองหมื่นไร่ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงการอนุรักษ์และพัฒนาลุ่มน้ำองคต มีผลการดำเนินงานในหลายๆ ด้าน เช่น การปลูกสวนป่า การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลา การปลูกผักปลอดสารพิษ นอกจากนี้มีการขุดพบซากโบราณสถาน เครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณนี้ ปัจจุบันนำไปไว้ที่โรงเรียนประชามงคล ติดต่อล่วงหน้าเพื่อการเข้าชมโครงการเป็นหมู่คณะได้ที่ สำนักงานกองอำนวยการโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โทร. 0 1736 4685


จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอท่าม่วง

เขื่อนแม่กลอง
เป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในตัวอำเภอท่าม่วง ห่างจากอำเภอเมืองลงไปทางใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเขื่อนที่มีความสำคัญที่สุดในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ล้านไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงครามและสมุทรสาคร ตัวเขื่อนกว้าง 117.50 เมตร ยาว 1,650 เมตร บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม

วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อยู่ห่างจากเขื่อนแม่กลอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนแม่กลอง แล้วจะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปประมาณ 2 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 200 เมตร วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขามีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก และยังมีอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ข้างๆ มีเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือใช้ลิฟท์ขึ้นไปชมวิวทะเลสาบและเขื่อนแม่กลอง

วัดถ้ำเขาน้อย
อยู่ติดกับวัดถ้ำเสือ วัดนี้ประดับประดาไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ผสมผสานศิลปะแบบจีน มีความงามสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเก๋งจีนบนยอดเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของตัวเมืองกาญจนบุรี และเขื่อนแม่กลอง

วัดบ้านถ้ำ
ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาน้อย ห่างจากวัดถ้ำเสือไปทางตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางสายในถนนเลียบริมแม่น้ำแม่กลอง ทางขึ้นถ้ำเป็นบันไดลึกเข้าไปในปากมังกรตัวใหญ่ ภายในถ้ำมีหินงอกลักษณะคล้ายผู้หญิง เชื่อว่าคือ นางบัวคลี่ ภรรยาของขุนแผน ตำนานอิงประวัติศาสตร์เรื่องขุนช้างขุนแผน ที่เล่าขานกันต่อมาช้านาน และบนยอดเขายังมีถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามอยู่อีกหลายถ้ำ

บ่อน้ำร้อนวัดวังขนายทายิการาม
ตั้งอยู่ที่ตำบลวังขนาย ในวัดวังขนายทายิการาม เมื่อ พ.ศ. 2540 กรมทรัพยากรธรณี ได้มาเจาะบ่อน้ำบริเวณวัด พบว่ามีความร้อนถึง 42 องศาเซลเซียส จึงแนะนำให้ทางวัดนำน้ำนี้มาใช้และชำระร่างกาย และต่อมาได้นำน้ำร้อนในบ่อนี้ไปวิเคราะห์ และพิสูจน์ปรากฏว่า ในน้ำมีแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ปัจจุบันมีบ่อน้ำร้อนประมาณ 55 บ่อ ทั้งบ่อยืน นั่ง นอน โดยจะเปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 05.00-21.00 น.

บ้านหนองขาว
อยู่ที่ตำบลหนองขาว อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร การเดินทางไปที่หมู่บ้านหนองขาว จากตัวเมืองกาญจนบุรี ไปตามถนนสาย 324 (กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี) ประมาณ 12 กิโลเมตร หมู่บ้านหนองขาวมีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งผลิตผ้าทอกี่กระตุกคุณภาพสูง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ "ผ้าขาวม้าร้อยสี"

ชาวบ้านหนองขาวส่วนใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายในสังคมเกษตรกรรม สภาพบ้านเรือนแบบไทยสมัยก่อนยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป วิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมแบบโบราณยังคงได้รับการสืบทอดกันมาช้านาน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน เช่น การตำข้าว ทำขนมแบบโบราณ ทำน้ำตาลปึก ประเพณีการโกนจุก การทำนา การร้องเพลงเหย่ย เพลงพวงมาลัย เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเที่ยวชมวิถีชีวิตเหล่านี้ได้ หากต้องการเข้าชมหมู่บ้านเป็นหมู่คณะ สามารถติดต่อสำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 1 เพื่อจัดเตรียมการแสดงวัฒนธรรมบันเทิง ซึ่งรวบรวมวิถีชีวิตประเพณีท้องถิ่นของชาวบ้านหนองขาวไว้ครบถ้วน พร้อมรับประทานอาหารเย็นแบบพื้นบ้าน และบริการโดยชาวบ้านหนองขาว หรือ ติดต่อโดยตรงที่ วัดอินทราราม (วัดหนองขาว) โทร. 0 3458 6003

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นแพ็คเกจทัวร์ สำหรับให้ชาวต่างชาติได้ชมและศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้าน ประกอบด้วย การสาธิตขั้นตอนการทำนา การทำขวัญข้าว อาชีพปีนตาล การทำน้ำตาลสด การบรรยายเกี่ยวกับบ้านเรือนไทยและเครื่องจักสาน เครื่องมือจับปลา ฯลฯ ผู้สนใจสามารถติดต่อ อาร์ เอส พี จัมโบ้ ทราเวล โทร. 0 3451 4906, 0 3451 2280

จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอพนมทวน

โบราณสถานบ้านดอนเจดีย์
ตั้งอยู่ที่บ้านดอนเจดีย์ จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 จนถึงบริเวณสี่แยกท่าม่วง เลี้ยวขวาไป 2 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางไปดอนเจดีย์อีก 11 กิโลเมตร โดยผู้ที่จะไปชม จะต้องขับรถเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณหลังโรงเรียนวัดทุ่งสมอ กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2525 ได้พบโครงกระดูกในบริเวณนี้หลายร้อยโครง ตลอดจนดาบโบราณ กรามช้างและเครื่องม้าเป็นจำนวนมาก และพบซากเจดีย์สมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่ด้วย จากหลักฐานที่ขุดพบทำให้เชื่อว่า บริเวณนี้เคยเป็นสนามรบในการทำยุทธหัตถีสมัยกรุงศรีอยุธยา

สวนอรอนงค์ชวนชม
ตั้งอยู่ตรงข้ามอนามัยตลาดเขต อำเภอพนมทวน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร ไปตามถนนสายกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 324) เป็นสวนเพาะพันธุ์ต้นชวนชมที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี บนพื้นที่ 40 ไร่ มีชวนชมหลากหลายพันธุ์ให้ดอกชวนชมสีสันสดสวยงาม นักท่องเที่ยวและผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชม และเลือกซื้อชวนชมพันธุ์ดีไปปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับบ้านได้ โดยติดต่อ คุณอรอนงค์ โทร. 0 3457 1193, 0 1856 7799, 0 1905 5299

สอบถามการท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 0 3451 1254 ต่อ 13, 0 3451 2924

พระโพธิสัตว์กวนอิม (วัดทุ่งสมอ)
พระโพธิสัตว์กวนอิมประดิษฐานอยู่ภายในวัดทุ่งสมอ ตำบลทุ่งสมอ เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่ ที่มีลักษระงดงามมาก ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก ตามทางหลวงหมายเลข 324 ประมาณ 15 กิโลเมตร ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ นิยมเดินทางมานมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่องค์หนึ่ง ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงาม นอกจากนี้ยังสามารถนมัสการพระสังกัจจายน์และพระประธาน ภายในอุโบสถวัดทุ่งสมอได้อีกด้วย

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ตั้งอยู่ใกล้กับโบราณสถานดอนเจดีย์ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2542 จังหวัดกาญจนบุรีและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ได้บริจาคเงินสมทบทุนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประทับช้าง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้ปวงชนชาวไทย ได้ถวายสักการะรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระปรีชาสามารถ ได้รับชัยชนะในการทำสงครามยุทธหัตถี สามารถปกป้องเอกราชของชาติไทยไว้ได้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา


:: อุทยานแห่งชาติไทรโยค ::

:: ข้อมูลทั่วไป ::
อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่ครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสน้ำตกไทรโยค และได้ลงสรงน้ำในธารน้ำอันเย็นฉ่ำภายใต้ร่มเงาแห่งแมกไม้ของป่าใหญ่ และเป็นแรงบันดาลใจให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ทรงประพันธ์บทเพลง “เขมรไทรโยค” จนความงามของน้ำตกไทรโยคเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

เดิมพื้นที่ป่าบริเวณป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ในท้องที่ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ และตำบลไทรโยค ตำบลลุ่มสุ่ม ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค ได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 417 (พ.ศ. 2512) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2512 และป่าห้วยเขยง ท้องที่ตำบลท่าขนุน ตำบลปิล้อก ตำบลหินดาด และตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ และตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค ได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 480 (พ.ศ. 2515) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2515

เดือนธันวาคม 2519 กองอุทยานแห่งชาติได้รับแจ้งจากนายสมจิตต์ วงศ์วัฒนา หัวหน้าสวนสักไทรโยค ว่า บริเวณป่าน้ำตกไทรโยคมีสภาพป่าและสภาพธรรมชาติสวยงามมาก เหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติจึงมีหนังสือ ที่ กส 0808/3203 ลงวันที่ 14ธันวาคม 2519 เสนอกรมป่าไม้ให้ นายสมบูรณ์ วงศ์ภักดี นักวิชาการป่าไม้ 4 ไปทำการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้นบริเวณป่าวังใหญ่ ป่าแม่น้ำน้อย และป่าห้วยเขยง จังหวัดกาญจนบุรี ปรากฏว่า บริเวณดังกล่าว มีธรรมชาติสวยงามที่สำคัญหลายแห่ง เช่น น้ำตกไทรโยค ถ้ำต่างๆ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง กล่าวคือ ในระหว่าง พ.ศ. 2484-2488 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้เกณฑ์ทหารเชลยศึกทำการก่อสร้างทางรถไฟเพื่อที่จะเป็นเส้นทางต่อเข้าไปยังประเทศพม่า ส่วนหนึ่งของเส้นทางผ่านเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เลียบลำน้ำแควน้อยไปจนจรดด่านเจดีย์สามองค์ ที่อำเภอ สังขละบุรี บริเวณต้นน้ำตกไทรโยคเป็นแหล่งหุงหาอาหารและที่พักพิงหลบภัย ดังปรากฏเตาหุงข้าวของทหารญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน เหมาะสมที่จะตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามบันทึกรายงานการสำรวจ ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2520

กองอุทยานแห่งชาติจึงได้ดำเนินการ จัดตั้งพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ และเพื่อสนองนโยบายคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อ วันที่ 9 มกราคม 2522 ในการที่จะเสริมมาตรการ อนุรักษ์ธรรมชาติ โดยจัดให้มีอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพิ่มขึ้น ซึ่งกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 2294/2522 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2522 ให้นายพิภพ ละเอียดอ่อน นักวิชาการป่าไม้ 5 และนายภูมิ สมวัฒนศักดิ์ ช่างโยธา 3 ไปดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งได้มีหนังสือ ที่ กส 0708/9 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2522 รายงานผลการสำรวจเพิ่มเติมว่าพื้นที่ดังกล่าวมีจุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามเหมาะสมเป็นอุทยานแห่งชาติ

กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2523 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2523 เห็นสมควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าวังใหญ่ ป่าแม่น้ำน้อย และป่าห้วยเขยง ในท้องที่ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ และตำบลไทรโยค ตำบลวังกระแจะ ตำบลบ้องตี้ ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 312,500 ไร่ หรือ 500 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 97 ตอนที่ 165 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2523 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 19 ของประเทศไทย และเป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง


:: ลักษณะภูมิประเทศ ::

ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติไทรโยค ครอบคลุมพื้นที่ป่าวังใหญ่ ป่าแม่น้ำน้อย และป่าห้วยเขย่ง ส่วนหนึ่งอยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลย ประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน ส่วนใหญ่มีความสูงโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 300-600 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เทือกเขาส่วนใหญ่จะทอดยาวจากตอนเหนือของพื้นที่ลงมาทางใต้ ด้านทิศตะวันตกจรดชายแดนประเทศพม่า ส่วนที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาแขวะ สูงประมาณ 1,327 เมตร รองลงมา คือ ยอดเขาเราะแระ สูงประมาณ 1,125 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่ราบที่เป็นบริเวณกว้าง ปรากฏเฉพาะริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแควน้อยตอนบน จุดที่ไหลผ่านเขตอุทยานแห่งชาติบริเวณบ้านวังกร่าง บ้านไทรโยค และที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค ที่ราบจุดอื่นๆ กระจายเป็นหย่อมเล็กๆ อยู่ตอนเหนือของพื้นที่ใกล้แนวเขตอุทยานแห่งชาติ ทางทิศตะวันออก ริมห้วยแม่น้ำน้อยและห้วยผึ้ง และตอนกลางของพื้นที่บริเวณห้วยแห้งและห้วยบ้องเติ้งเท่านั้น อุทยานแห่งชาติไทรโยค เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำแควน้อย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี ในเขตอำเภอสังขละบุรี ลำน้ำสายหลักๆ ที่มีน้ำไหลตลอดปีได้แก่ ห้วยแม่น้ำน้อย และห้วยแม่น้ำเลาะห้วยเต่าดำ ห้วยไทรโยค ห้วยบ้องตี้ ห้วยบ้องเติ้ง และห้วยพลู


:: ลักษณะภูมิอากาศ ::

เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติไทรโยคเป็นพื้นที่สูงชันที่ปกคลุมด้วยผืนป่า ทั้งยังมีเทือกเขาตะนาวศรีทอดยาวตลอดพรมแดนไทย-พม่า ปิดกั้นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดผ่าน ทำให้ลักษณะอากาศภายในพื้นที่มีความผันแปรค่อนข้างมาก และส่วนหนึ่งของพื้นที่มีสภาพเป็นบริเวณอับฝน โดยฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม โดยเดือนกันยายนจะเป็นเดือนที่ฝนตกชุกที่สุด ปริมาณฝนรวมทั้งปี 975 มิลลิเมตร ฤดูหนาวจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นช่วงที่หนาวเย็นที่สุด และฤดูร้อน เริ่มประมาณกลางเดือนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นระยะที่ลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมพื้นที่ ทำให้อากาศร้อนอบอ้าวทั่วไป โดยช่วงเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวที่สุด อุณหภูมิสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวเหมาะแก่การเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคมากที่สุด ด้วยสภาพป่าที่เขียวขจี ธารน้ำที่ไหลแรงที่สายน้ำตกที่มีชีวิตชีวา กลุ่มหมอกที่ไหลเรี่ยลำแควน้อยเป็นมนต์ขลังแก่ผู้มาเยือนยิ่งนัก


:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::

เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคส่วนใหญ่มีสภาพเป็นภูเขา และตั้งอยู่ที่ระดับความสูงแตกต่างกันตั้งแต่ 100 เมตร ไปจนถึง 1,327 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่งผลให้สังคมพืชแตกต่างกันตามระดับความสูง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง

ป่าเบญจพรรณ เป็นสังคมพืชที่มีเนื้อที่มากที่สุดในอุทยานแห่งชาติ คือร้อยละ 84.47 พบขึ้นกระจายทั่วไปในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 150-600 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ขานาง ขี้อ้าย แดง ตะแบกเลือด เขลง แคหางค่าง งิ้วป่า ตะคร้อ ประดู่ กระพี้เขาควาย กาสามปีก กรวยป่า ขะเจ๊าะ กระพี้จั่น เก็ดแดง ฯลฯ พื้นป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นบนและพันธุ์พืชชนิดอื่น เช่น กะตังใบ กระชายป่า กวาวเครือ หนามขี้แรด บุก เปราะป่า ผักปราบ และเอื้องหมายนา เป็นต้น เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หากิน และหลบภัยของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น นกขมิ้นน้อยธรรมดา นกปรอดคอลาย นกแซงแซว นกกางเขนดง นกจับแมลงจุกดำ นกจับแมลงสีฟ้า ค้างคาวคุณกิตติ กิ้งก่าบิน ตะกวด จิ้งจกดินลายจุด งูกะปะ และเต่าเหลือง เป็นต้น

ป่าเต็งรัง เป็นสังคมพืชที่พบขึ้นกระจัดกระจายทางด้านทิศใต้ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลาง 80-400 เมตร มีเนื้อที่ร้อยละ 2.52 พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง พลวง เหียง รักใหญ่ มะกอกเกลื้อน งิ้วป่า รกฟ้า หาด เปล้าหลวง พื้นป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นบนและพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ เช่น มะม่วงหัวแมงวัน เสี้ยวป่า เคด ผักหวาน ไผ่หางช้าง ไผ่ไร่ กระดูกอึ่ง ลูกใต้ใบ เป็นต้น

ป่าดิบแล้ง พบในบริเวณที่ค่อนข้างชุ่มชื้นทางทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติโดยเฉพาะในเขตอำเภอทองผาภูมิ และทิศตะวันตกติดชายแดนพม่า ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 450-600 เมตร มีพื้นที่ประมาณร้อยละ 2.95 พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ กระบก ยางนา ยางแดง หว้า กระบาก ตะแบกแดง มะส้าน ทะโล้ ก่อ ยางโอน ชมพู่ป่า เหมือด ฯลฯ พื้นป่าประกอบด้วยกล้าไม้ของไม้ชั้นบนและพันธุ์พืชชนิดอื่น เช่น กลอย กล้วยไม้ดิน กกสามเหลี่ยม เครือมัน ถั่วแปบ สาบเสือ เสี้ยว และพืชในสกุลขิง เป็นต้น เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หากิน และหลบภัยของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ลิงลม ลิงกัง ค่างแว่นถิ่นเหนือ ชะนีมือขาว พญากระรอกดำ นกเงือกกรามช้าง นกกาฮัง กิ้งก่าบิน

บริเวณพื้นล่างของป่าดิบแล้งเป็นที่หลบพักของสัตว์ที่หากินตามพื้นผิวดิน เช่น ช้างป่า สมเสร็จ กระทิง หมีควาย กวางป่า สัตว์ปีกที่คุ้ยเขี่ยหากินตามพื้นป่าได้แก่ นกกระทาดงแข้งเขียว นกแว่นสีเทา ชนิดสัตว์เลื้อยคลานที่พบได้แก่ เต่าหก งูเหลือม และงูจงอาง ในบริเวณที่เป็นยอดเขา หน้าผาสูงชัน และถ้ำหินปูน เป็นที่อาศัยและหากินของสัตว์บางชนิด ได้แก่ ค่างแว่นถิ่นเหนือ ลิงเสน เลียงผา ค้างคาวหน้ายักษ์เล็กสองสี ค้างคาวมงกุฎ ค้างคาวปีกถุงใหญ่ ค้างคาวปีกถุงต่อมคาง ค้างคาวคุณกิตติ นกเอี้ยงถ้ำ เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น เหยี่ยวนกเขาชิครา นกนางแอ่นตะโพกแดง นกพิราบ งูเขียวร่อน บริเวณพื้นที่ติดชายน้ำ หาดทราย และแหล่งน้ำต่างๆ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ผสมพันธุ์วางไข่ของสัตว์หลายชนิด เช่น เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิงเสน นากเล็กเล็บสั้น นากใหญ่ ชะมด อีเห็น กระรอกท้องแดง นกยางเขียว นกยูงไทย นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกเอี้ยงสาริกา เต่าดำ เขียดจะนา เขียดหลังเขียว เขียดหนอง กบห้วยสีข้างดำ กบทูด คางคกเล็ก คางคกหัวเรียบ จงโคร่ง ปาดนิ้วแยกขาลาย อึ่งอี๊ดขาเหลือง อึ่งอี๊ดหลังลาย และอึ่งอ่าง

ในบริเวณแม่น้ำแควน้อยและลำห้วยแยกสาขาต่างๆ จะพบปลาตะโกก ปลากระสูบ ปลาบ้า ปลาแมว ปลากราย ปลาปากใต้ ปลากดเหลือง ปลาแรด และปลาตะกรับ เป็นต้น สำหรับบริเวณพื้นที่ใกล้ชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรมจะพบแมวดาว กระแตธรรมดา กระจ้อน เหยี่ยวขาว เหยี่ยวนกเขา นกตะขาบทุ่ง นกแซงแซวหางปลา นกพิราบ นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกกระปูดเล็ก นกปรอดก้นแดง นกเอี้ยงสาริกา นกกิ้งโครงคอดำ อีกา นกกะติ๊ด นกกระจอก ตุ๊กแกบ้าน กิ้งก่าหัวแดง แย้ คางคก เขียดหนอง กบนา เป็นต้น


อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีสัตว์ที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง คือ ค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Craseonycteris thonglongyai ชื่อสามัญ Kitti’s hog-nosed Bat เป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบคือ คุณกิตติ ทองลงยา ค้นพบเมื่อปี 2516 ที่ถ้ำค้างคาวและถ้ำวังพระ นับเป็นค้างคาววงศ์ใหม่ มีเพียงชนิดเดียวในโลก และเป็นค้างคาวที่เล็กที่สุดในประเทศ เท่าที่สำรวจพบ นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลกอีกด้วย มีน้ำหนัก 1.5-2.0 กรัม ลำตัวยาว 2.5-3.0 เซ็นติเมตร มีสีน้ำตาล กางปีกออกจะกว้างประมาณ 10 เซ็นติเมตร หูค่อนข้างใหญ่จมูกคล้ายจมูกหมู อาศัยอยู่ตามถ้ำโดยทั่วไปจะอพยพย้ายถิ่นทันทีหากถูกรบกวนโดยมนุษย์ ปัจจุบันมีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์



:: ที่ตั้งและการเดินทาง ::
อุทยานแห่งชาติไทรโยค
หมู่ 7 ต.ไทรโยค อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี 71150
โทรศัพท์ : 0 3451 6163 โทรสาร : 0 3451 6163

เรือ
จากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ลงเรือที่ท่าเรือ จะมีเรือหางให้เช่าเหมาลำ เดินทางไปตามลำน้ำแควน้อย จนถึงน้ำตกไทรโยค หรือจากสถานีรถไฟสามารถต่อเรือที่ท่าเรือปากแซง บ้านท่าเสา อำเภอไทรโยค ต่อไปยังน้ำตกไทรโยคได้อีกทางหนึ่ง


รถไฟ
จากสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) ไปยังสถานีน้ำตก (ไทรโยคน้อย) จากนั้นสามารถเหมารถสองแถวเล็ก ต่อไปอีก 34 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายกาญจนบุรี - ทองผาภูมิ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 97 เลี้ยวซ้ายเข้าน้ำตก 3 กิโลเมตร


รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศและธรรมดา จากสถานีขนส่งสายใต้-กรุงเทพฯ ลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี ต่อด้วยรถโดยสารประจำทางสายทองผาภูมิ ถึงปากทางเข้าอุทยานฯ แล้วต่อด้วยรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เข้าไปยังน้ำตกไทรโยคอีก 3 กิโลเมตร


:: แหล่งท่องเที่ยว ::
อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีความสำคัญทางโบราณคดี ที่อ้างอิงถึงประวัติอันยาวนาน ของมนุษย์ยุคหินเท่าที่เคยขุดพบที่ถ้ำพระและถ้ำไทรโยค มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามตามธรรมชาติมากมาย


:: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม ::
น้ำตกไทรโยค เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย แยกเป็น 2 แพร่ง ส่วนที่อยู่ทางตอนเหนือเรียกว่า น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว รองรับด้วยชั้นหินสลับกันเป็นชั้นๆ มีความสูงประมาณ 8 เมตร ทางด้านใต้เป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่าเรียกว่า น้ำตกไทรโยคเล็ก สายน้ำที่พุ่งตกลงมากระเซ็นสู่ลำแควน้อย สามารถชมทัศนียภาพของน้ำตกไทรโยคได้โดยการเดินข้ามสะพานแขวนไปยังฝั่งตรงข้ามหรือโดยทางน้ำ ในฤดูหนาวจะสัมผัสบรรยากาศของความหนาวเย็นแห่งสายน้ำและขุนเขา ผ่านน้ำตกมีเสน่ห์ชวนให้หลงไหลยิ่งขึ้น


น้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกไทรโยคน้อย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกเขาพัง เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เหตุที่ได้ชื่อว่าน้ำตกเขาพัง เพราะเกิดบนหน้าผาหินปูนที่พังทลายลงมา จนเกิดโขดหินปูนลดหลั่นกันอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา ต้นกำเนิดเป็นน้ำผุดจากภูเขาแล้วไหลมาตามลำธารเล็กๆ ไหลตกลงที่ผาหินปูนที่มีความสูง ประมาณ 15 เมตร แผ่กระจายไปตามพื้นเขาลาดเอียง ภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิด ในลำธารมีต้นกกขึ้นอยู่กระจัดกระจาย นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้ไปสัมผัสอีกแห่งหนึ่ง

การเดินทางสะดวกมากเพราะอยู่ติดกับถนนสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร จากจังหวัดกาญจนบุรี หรือทางรถไฟ เริ่มต้นจากสถานีธนบุรีไปสิ้นสุดที่สถานีน้ำตก ตำบลท่าเสา ห่างจากตัวน้ำตก ประมาณ 1 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวน้ำตก คือ ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในน้ำตกมีมาก ประมาณเดือนกรกฎาคม - กันยายน


แม่น้ำแควน้อย มีต้นกำเนิดจากผืนป่าดงดิบทางตะวันตกตามแนวชายแดนไทย-พม่า แล้วไหลไปรวมกับแม่น้ำแควใหญ่เป็นแม่น้ำแม่กลองที่ตัวเมืองกาญจนบุรี ริมสองฝั่งแม่น้ำแควน้อยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคมีธรรมชาติที่งดงาม มีโขดเขาเกาะแก่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ร่องน้ำที่ลัดเลาะไปตามซอกเขาหินปูน ความแตกต่างของพื้นที่เลาะเกาะแก่งเป็นเหตุให้แม่น้ำสายนี้ไหลเชี่ยวและวกวน บางตอนจะเป็นหาดทรายยื่นออกมาในลำน้ำ เป็นที่ชื่นชอบของผู้นิยมล่องแพโดยทั่วไป


ถ้ำดาวดึงส์ อยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทย.2 (ถ้ำดาวดึงส์) เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ค้นพบโดย นายสำลี คูหา ซึ่งตามสัตว์เข้าไปในถ้ำ ในปี พ.ศ. 2515 ถ้ำลึกประมาณ 300-400 เมตร แบ่งเป็นห้องๆ ได้ 8 ห้อง มีชื่อตามลักษณะของหินงอกหินย้อย โดยทั่วไปมีสีขาว เช่น ห้องโคมระย้า ห้องเจดีย์ ห้องจีบม่านฟ้า เป็นต้น


ถ้ำละว้า อยู่ห่างจากน้ำตกไทรโยคไปทางตอนใต้โดยทางน้ำ ประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงท่าเรือซึ่งจะมีถนนไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทย.3 (ถ้ำละว้า) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นถ้ำ หรืออาจเดินทางโดยทางรถยนต์ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ช่วงกิโลเมตรที่ 59 - 60 ถ้ำละว้ามีปากถ้ำแคบ แต่ภายในกว้างใหญ่โตมาก ถ้ำลึกประมาณ 450 เมตร แบ่งเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องท้องพระโรง ห้องดนตรี และห้องม่าน แต่ละห้องมีหินงอก หินย้อย สวยงามแตกต่างกันไป นอกจากนี้ภายในถ้ำยังปรากฏหลักฐาน เช่น ฟันมนุษย์ ซึ่งทำให้สันนิษฐานได้ว่า แต่เดิมน่าจะเคยมีมนุษย์โบราณอาศัยอยู่


ถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 500 เมตร เป็นถ้ำขนาดเล็ก ยาวประมาณ 200 เมตร มีหินงอกหินย้อยงดงามพอสมควร ปากทางเข้าเป็นหลืบหืนที่แคบมากต้องสอดตัวเข้าไปตามซอกหินเป็นระยะทางประมาณ 12 เมตร จึงพบห้องโถงแรก ภายในถ้ำมีห้องโถง 2-3 ห้อง และห้องหนึ่งมีบ่อน้ำผุดปรากฏอยู่


เส้นทางศึกษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้จัดทำเส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ไว้สำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษา หรือสัมผัสในความหลากหลายของธรรมชาติ 4 เส้นทาง คือ เส้นทางสายธรรมชาติ-ประวัติศาสตร์ เส้นทางสายเขาหินย้อย เส้นทางสายถ้ำดาวดึงส์ และเส้นทางสายถ้ำละว้า


เส้นทางเดินป่าระยะไกลเต่าดำ เป็นทางเก่าที่เคยมีครั้งสัมปทานทำเหมืองแร่และสัมปทานป่า จึงเดินได้ค่อนข้างสะดวกสบายและร่มรื่น เริ่มเดินจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทย.6 (เต่าดำ) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 (กาญจนบุรี—ทองผาภูมิ) เลยน้ำตกไทรโยคน้อย 1 กิโลเมตร แยกขวาข้ามสะพานปากแซงถึงบ้านวังกระแจะ แยกซ้ายผ่านบ้านแก่งสารวัต แยกขวาผ่านบ้านเขาเขียว ผ่านทางแยกบ้านต้นมะม่วง ผ่านบ้านทุ่งมะเซอย่ออีกประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เส้นทางผ่านลำธารและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง จากนั้นก็เดินขึ้นสู่ยอดเขาเราะแระ ชมคลื่นของขุนเขาที่สลับซับซ้อน ทะเลหมอกในยามเช้า สามารถไป-กลับในวันเดียว หรือพักค้างแรมก็ได้ ระยะทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติถึงยอดเขาเราะแระ ประมาณ 9 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางคือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม


เส้นทางล่องแก่งลำห้วยแม่น้ำน้อย จากเขารวก-สองแคว เริ่มจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทย.8 (เขารวก) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 (กาญจนบุรี—ทองผาภูมิ) ประมาณ 20 กิโลเมตร แยกซ้ายตรงบ้านลิ่นถิ่น ผ่านบ้านกุยแหย่ ประมาณ 22 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ระยะเวลาในการล่องอาจจะวันเดียวหรือสองวันก็ได้ โดยใช้แพยางหรือเรือแคนู ระยะทางในการล่องประมาณ 20 กิโลเมตร ลำห้วยแม่น้ำน้อยจะไหลลัดเลาะมาตามหุบเขาและช่องเขา ธรรมชาติโดยทั่วไปร่มรื่นเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของป่า บางแห่งจะมีหาดทรายยื่นออกมาสวยงาม บางแห่งจะเป็นแก่งสั้นบ้างยาวบ้าง ทำให้เกิดคลื่นเป็นระลอกสวยงาม สิ้นสุดการล่องแก่งที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทย.5 (แม่น้ำน้อย) ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์



:: สิ่งอำนวยความสะดวก ::
ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการ


ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ


ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมเต็นท์และสถานที่กางเต็นท์ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง


ที่จอดรถ มีที่จอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


บริการอาหาร สำหรับอาหารเครื่องดื่มมีจำหน่ายตลอดเวลาที่บริเวณน้ำตกไทรโยค


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.


:: อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ::

:: ข้อมูลทั่วไป ::
ด้วยสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องแผนการป้องกันอนุรักษ์และพัฒนาป่าอนุรักษ์ภาคตะวันตก ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ เสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพัฒนา พิจารณาเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2534 คณะกรรมการการกลั่นกรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ เสนอความเห็นชอบ การคุ้มครองพื้นที่เขตแดนพม่าให้เป็นป่าผืนใหญ่ผืนเดียวกัน เพื่ออนุรักษ์ให้เป็นระบบนิเวศที่มั่นคง และเป็นแหล่งทรัพยากร พันธุกรรม พืช และสัตว์ ที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศตลอดไป ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2534 ลงมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกรมป่าไม้ได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันอนุรักษ์และพัฒนาป่าไม้อนุรักษ์ภาคตะวันตก ในรูปแบบอุทยานแห่งชาติ

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่ง และป่าเขาช้างเผือก ในเขตท้องที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ หรือ 1,120 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อดังนี้ ทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทิศใต้จดอุทยานแห่งชาติไทรโยค ทิศตะวันออกจดอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทิศตะวันตกจดเขตแดนไทย-พม่า ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2543 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้


:: ลักษณะภูมิประเทศ ::
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี มีพื้นที่ราบลุ่มเป็นจำนวนน้อย ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มีเขาช้างเผือกซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยอดเขาที่สำคัญ ได้แก่ เขาช้างเผือก เขานิซา เขาพุถ่อง เขาด่าง เขาปาก ประตู เขาเลาะโล เขาประหนองโทคี เขาชะโลง ฯลฯ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของลำห้วยต่างๆ เช่น ห้วยมาลัย ห้วยกบ ห้วยซ่าน ห้วยองค์พระ ห้วยปีคี ห้วยปากคอก ห้วยเจ็ดมิตร ฯลฯ โดยไหลลงสู่ที่ราบทิศตะวันออก ลงสู่เขื่อนเขาแหลม และลำน้ำอีกส่วนไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย


:: ลักษณะภูมิอากาศ ::
เป็นแบบมรสุมเมืองร้อน จึงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงฤดูฝน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม


:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
1) ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม

2) ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวก ปาล์ม ข่า และเฟินต่างๆ ฯลฯ

3) ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่างๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่างได้แก่ มอส เฟินต่างๆ

4) ป่าเบญจพรรณ พบมากที่สุด มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวก ไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศพม่า จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนัก จึงทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน ที่พบเห็นเป็นประจำได้แก่ ช้างป่า เลียงผา กวาง เก้ง กระจง หมูป่า หมี ลิง ค่าง บ่าง ชะนี อีเห็น ชะมด เสือปลา เสือลายเมฆ เสือโคร่ง หมีคน หมีควาย กระรอกบิน กระแต หนูหริ่ง พังพอน ค้างคาว กระต่ายป่า แมวป่า หมาไน เม่น นกเงือก นกนางแอ่น เหยี่ยว นกกระสา นกอินทรีย์ นกฮูก นกปรอด นกแขวก นกเค้าแมว นกแสก นกกระปูด นกเอี้ยง นกกางเขน นกขมิ้น นกกระทาดง นกกวัก นกขุนทอง นกแซงแซว นกหัวขวาน นกดุเหว่า อีกา ไก่ป่า ตะกวด ตุ๊กแกป่า กิ้งก่าบิน จิ้งเหลน แย้ ตะขาบ แมงป่อง กิ้งกือ ทาก ปลิง ตะพาบน้ำ กบ เขียด คางคก อึ่งอ่าง ปลาเวียน ปลาซิว ปลาก้าง ปลาช่อน ปลาไหล ปลากระทิง ปลาตะเพียน ปลาหมอ ปลาแขยง และปลาชะโด เป็นต้น


:: ที่ตั้งและการเดินทาง ::
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
ตู้ ปณ.18 อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี 71180
โทรศัพท์ : 0 1382 0359

รถยนต์
พื้นที่ที่ทำการสำรวจอยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณ 175 กิโลเมตร การเดินทางจากอำเภอเมืองกาญจนบุรีไปยังพื้นที่ที่ทำการสำรวจได้ โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินสาย 323 จนถึงพื้นที่ที่ทำการสำรวจ โดยคณะผู้สำรวจได้ใช้พื้นที่บริเวณหมู่บ้านห้วยปากคอกเป็นจุดที่ตั้งที่ทำการสำรวจเป็นการชั่วคราว จากจุดที่ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิเป็นระยะทาง ประมาณ 30 กิโลเมตร


:: แหล่งท่องเที่ยว :: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม ::
น้ำตกเขาใหญ่ อยู่ในท้องที่หมู่บ้านอีต่อง หมู่ที่ 1 ตำบลบิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีชั้นใหญ่ๆ อยู่ 3 ชั้นด้วยกัน ในแต่ละชั้นมีความสูงและความแตกต่างกันออกไป มีแอ่งน้ำใหญ่มากมายตลอดลำน้ำ น้ำใสและเย็น สภาพป่าในบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก ต้นไม้ขนาดใหญ่มีให้เราเห็นอยู่ทั่วไป อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนและเล่นน้ำที่น้ำตก การเดินทางไปสู่น้ำตกนี้ค่อนข่างลำบาก ในฤดูฝนรถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ จะต้องเดินเท้าแทน อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กิโลเมตร


น้ำตกน้ำดิบใหญ่ อยู่ทางตอนล่างของน้ำตกเขาใหญ่ โดยสายนั้นของน้ำตกน้ำดิบใหญ่นี้ไหลไปรวมกับสายน้ำของน้ำตกเขาใหญ่ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สภาพป่าในบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกเขาใหญ่


น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีชั้นเดียว แต่มีความสวยงามมาก เพราะว่าสายน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ลงสู่พื้นล่างแล้วแตกกระจายออกมา กลายเป็นกลุ่มไอน้ำลอยตัวขึ้นมาจากพื้นล่าง ซึ่งมีความสวยงามมาก น้ำใสและเย็น การเดินทางไปสู่น้ำตกนี้ค่อนข้างลำบาก คือ จะต้องเดินทางเท้าได้อย่างเดียว รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ทั้งฤดูฝนและฤดูแล้ง อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร


น้ำตกบิเต็ง เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี มีแอ่งน้ำน้อยใหญ่จำนวนมากเหมาะแก่การที่จะไปพักผ่อนและเล่นน้ำ อากาศเย็นสบาย สภาพป่าในบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก ต้นไม้ขนาดใหญ่มีให้เราเห็นอยู่ทั่วไป และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด การเดินทางไปสู่น้ำตกแห่งนี้ค่อนข้างลำบาก ในฤดูแล้งสามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ แต่ไปไม่ถึงน้ำตก จะต้องเดินทางอีกสักนิดหน่อย ถึงจะไปถึงน้ำตก ส่วนในฤดูฝนไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ จะต้องเดินทางเท้าอย่างเดียวอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 12 กิโลเมตร


เนินเสาธง เนินเสาธงเป็นพื้นที่ยอดเขาที่กั้นพรมแดน ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหภาพพม่า โดยที่ทางการทหารไทย ได้จัดตั้งเสาธงพร้อมติดธงชาติไทยขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า พื้นที่นี้เป็นจุดพรมแดนระหว่างประเทศไทย กับประเทศสหภาพพม่า ทางการทหารไทยจึงได้ให้ชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่า “เนินเสาธง” และได้อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าเที่ยวชมได้ โดยมีกำลังของทหารไทย และกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนของไทยรักความปลอดภัยให้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเราอยู่บนเนินเสาธงนี้แล้ว เราจะได้พบกับบรรยากาศเย็นสบาย อากาศสดชื่นแสนบริสุทธิ์สามารถมองลงเห็นทิวทัศน์ได้รอบตัวเรา ทั้งทิวทัศน์ที่สวยงามในประเทศไทย และทิวทัศน์ในประเทศสหภาพพม่า และเมื่อวันใดท้องฟ้าเปิดเราก็จะได้เห็นท้องทะเลอันดามันได้อีกด้วย


น้ำตกหวยเหมือง เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สภาพป่าในบริเวณนี้ บางส่วนถูกทำลาย เพราะพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตสัมปทานให้ทำเหมืองแร่ มีความสวยงาม และยังพบถ้ำในบริเวณนี้อีก การเดินทางใช้เส้นทางร่วมกัน เส้นทางที่บริษัทที่ได้สัมปทานทำเหมืองแร่ได้ทำไว้ โดยเป็นทางลูกรังอยู่ห่างจากหมู่บ้านอีปู่ประมาณ 25 กิโลเมตร


จุดชมทิวทัศน์เขาขาด เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่อยู่บนยอดเขาสูง มีกระแสลมพัดผ่านตลอดเวลา อากาศบริสุทธิ์และเย็นสบาย จากการสำรวจได้พบว่า จุดชมทิวทัศน์แห่งนี้มีความสวยงามมาก เมื่อเราไปอยู่บนจุดนี้แล้วเราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่าง ๆ ได้รอบตัว อันดับแรกเราจะได้เห็นน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ที่มีสายน้ำไหลผ่านหน้าผาสูงลงสู่ พื้นล่างแล้วแตกกระจายออกมากลายเป็นกลุ่มไอน้ำลอยตัวขึ้นมาจากพื้นล่างน่าประทับใจเป็นยิ่งนัก จะมองเห็นหมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านหินกอง เนินเสาธง ทิวทัศน์ในประเทศสหภาพพม่า และเมื่อใดท้องฟ้าเปิด ก็จะมองเห็นท้องทะเลอันดามันได้ด้วยตาเปล่า การเดินทางค่อนข้างลำบาก จะต้องเดินทางด้วยเท้าตลอดจากปากทางเข้าที่ระหว่างหลักกิโลเมตร ที่ 24–25 ของถนนสายบ้านไร่อีต่อง เป็นระยะประมาณ 2 กิโลเมตร


จุดชมทิวทัศน์ กม. 15 อยู่บริเวณหลักกิโลเมตร ที่ 15 ถนนสายบ้านไร่-อีต่อง จุดชมทิวทัศน์แห่งนี้อยู่ริมถนนพอดี อากาศที่นี่เย็นสบาย เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ทิวทัศน์อ่างเก็บน้ำของเขื่อนเขาแหลมเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุด เพราะมีความสวยงามประทับตาต้องใจของผู้ที่ไปเที่ยวชมเป็นอย่างมาก การเดินทางใช้เส้นทางสาย บ้านไร่อีต่อง


ถ้ำเขาน้อย ภายในถ้ำได้มีผู้นำเอาพระพุทธรูปไปประดิษฐ์สถานไว้ ให้ผู้ที่เข้าไปเที่ยวได้สักการะบูชา เราจะพบเห็นหินย้อยรูปร่างแตกต่างกันออกไปอยู่ทั่ว ๆ ไปภายในถ้ำนี้การเดินทางสะดวกสบาย สามารถนำรถยนต์เข้าไปถึงพื้นที่ได้เลย



:: สิ่งอำนวยความสะดวก ::
ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการ


ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ


สถานที่กางเต็นท์ แบบมีที่จอดรถ อุทยานแห่งชาติ ยังไม่ที่พัก-บริการไว้บริการนักท่องเที่ยว มีแต่สถานที่กางเต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยว หากสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ ท่านสามารถนำเต็นท์และอาหารไปเอง หรือติดต่อขอใช้บริการเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติ รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ ขอให้ติดต่อสอบถามกับอุทยานแห่งชาติโดยตรง


ที่จอดรถ มีที่จอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.



เขื่อนท่าทุ่งนา จังหวัดกาญจนบุรี

ข้อมูลทั่วไป :

เขื่อนท่าทุ่งนา เป็นโครงการหนึ่ง ในแผนพัฒนา ลุ่มแม่น้ำแควใหญ่ ของการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ทางท้าย เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนแห่งนี้ มีคุณสมบัติ พิเศษ คือ สามารถนำน้ำ ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว จากเขื่อนศรีนครินทร์ มาผลิตกระแสไฟฟ้า ได้อีก และยังสามารถ สูบน้ำ จากเขื่อนท่าทุ่งนา กลับไปใช้ ผลิตกระแสไฟฟ้า ได้อีกครั้ง ที่เขื่อน ศรีนครินทร์ นับเป็นการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

เขื่อนท่าทุ่งนา เป็นโครงการ ที่พัฒนา ก้าวไปข้างหน้า อีกขั้นหนึ่ง โดยการนำ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ คุ้มค่า มากที่สุด เพื่อสร้าง ความอยู่ดี กินดี แก่ประชาชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มี ความงดงาม ของธรรมชาติ ไม่ยิ่งหย่อน กว่าที่ใด แต่ละปี มีนักท่องเที่ยว เดินทางมา เยี่ยมชม จำนวนมาก จึงนับได้ว่า เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ ที่มีความสมบูรณ์แบบ ในตัวเองครบถ้วนทุกประการ


การเดินทาง :

บนถนนสายเพชรเกษม หรือสายพุทธมณฑล ท่านสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ด้วยเวลาเพียง ๒ ชั่วโมงเศษ ระยะทางประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร ผ่านอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อำเภอ บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เข้าสู่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แล้วเดินทางต่อไป ตามถนนทางหลวงหมายเลข ๓๑๙๙ อีก ๓๖ กิโลเมตร ก็จะถึงเขื่อนท่าทุ่งนา

สำหรับการเดินทาง โดยรถประจำทาง ท่านจะขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ หรือโดยสารรถไฟ สายท่องเที่ยว ธนบุรี-กาญจนบุรี แล้วมาต่อรถโดยสาร ประจำทาง ในอำเภอเมือง สายกาญจนบุรี - ศรีสวัสดิ์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเขื่อน


สิ่งอำนวยความสะดวก :

เมื่อเดินทางถึง เขื่อนท่าทุ่งนา ติดต่อสอบถาม รายละเอียด การเยี่ยมชม ได้ที่เจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย ป้อมยามแรก ก่อนเข้าเขื่อน และหากประสงค์ จะพักแรม ท่านสามารถไปพักที่ บ้านพัก เขื่อนศรีนครินทร์ โดยติดต่อ สำรองที่พัก ล่วงหน้า ได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถนนจรัญสนิทวงศ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี โทร. 436-3179


ลักษณะเขื่อน :

เขื่อนท่าทุ่งนาสร้างปิดกั้นลำน้ำแควใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณ บ้านท่าทุ่งนา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจาก เขื่อนศรีนครินทร์ ลงมาทางท้ายน้ำประมาณ ๒๕ กิโลเมตร

ตัวเขื่อน
เป็นเขื่อนแบบผสมระหว่าง เขื่อนหินทิ้งแกน ดินเหนียว กับเขื่อนคอนกรีต ในช่องทางระบายน้ำล้น มีความสูงจากฐานราก ๓๐ เมตร ความยาวสันเขื่อน ๘๔๐ เมตร ความกว้าง สันเขื่อน ๘ เมตร ปริมาตรตัวเขื่อน ๒๘๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร

อ่างเก็บน้ำ
มีระดับเก็บกักน้ำสูงสุด ๙๕.๗๐ เมตร ร.ท.ก. (ระดับน้ำทะเลปานกลาง) ระดับเก็บกักน้ำต่ำสุด ๕๕.๕๐ เมตร ร.ท.ก. ความจุของอ่าง ๕๔.๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ ๕๙.๗๐ เมตร ร.ท.ก. และแริมาณน้ำ ที่ใช้งาน ทั้งสิ้น ๒๘.๘ ล้านลูกบาศก์เมตร

โรงไฟฟ้า
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน ๕ ชั้น กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๕๐ เมตร สูง ๔๕.๘๗ เมตร ติดตั้งเครื่องผลิดไฟฟ้า ชนิดกระแสสลับ ระบายความร้อนด้วยอากาศ จำนวน ๒ เครื่อง แต่ละเครื่องให้กำลังผลิต ๑๙ เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิต ทั้งสิ้น ๓๘ เมกะวัตต์ ให้พลังงานเฉลี่ยปีละ ๑๗๐ ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง


ประโยชน์ :

เขื่อนท่าทุ่งนา เป็นโครงการ พัฒนาลุ่มน้ำแควใหญ่ ตอนล่าง ที่ช่วยเสริม การผลิตไฟฟ้า ให้กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ โดยการติดตั้ง เครื่องผลิตไฟฟ้าแบบ สูบน้ำกลับเครื่องที่ ๔ และที่ ๕ ที่เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนประโยชน์ที่ได้รับมีดังนี้

1. สามารถใช้น้ำที่ผลิตไฟฟ้าแล้ว จากเขื่อนศรีนครินทร์ มาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อีกครั้ง นับเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง

2. เขื่อนท่าทุ่งนา ช่วยสนับสนุน นโยบายเร่งรัดพัฒนาชนบท ของรัฐบาล ให้รุดหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น

3. อ่างเก็บน้ำของเขื่อนท่าทุ่งนา ทำหน้าที่ เป็นอ่างล่าง คอยควบคุมปริมาณน้ำ และช่วยแก้ปัญหา ระดับน้ำในลำน้ำแควใหญ่ ทางด้านท้านน้ำที่สูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำ จำนวนมหาศาล ที่ปล่อยผ่านจากเขื่อนศรีนครินทร์

4. ทำให้การจัดสรรน้ำ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการชลประทาน และการเพาะปลูกในหน้าแล้ง

5. ใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ของประชาชนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ


สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง :

กาญจนบุรี เป็นเมืองเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวที่สำคัญ แห่งหนึ่งในประเทศไทย มีความงดงาม ตามธรรมชาติ และเอกลักษณ์ ของโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์น่าสนใจหลายแห่ง เช่น

สุสานทหารสัมพันธมิตร
อนุสรณ์สถานแห่ง ความโหดร้าย ของสงครามโลก ครั้งที่ ๒ ที่เชลยศึก สัมพันธมิตรจำนวนมาก ต้องมาจบชีวิตลง ปัจจุบันมีอยู่ ๒ แห่ง คือ สุสานกาญจนบุรี (ดอนรัก) ตั้งอยู่บริเวณหลังสถานีรถไฟ ห่างจากตัวเมือง ไปทางเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตร และสุสานเขาปูน (ช่องไก่) ห่างจากตัวเมืองไปทางแม่น้ำ แควน้อย ประมาณ ๒ กิโลเมตร

สะพานข้ามแม่น้ำแคว
นับเป็นสะพานประวัติศาสตร์ ที่สร้างด้วยเลือดเนื้อ และชีวิต ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร จำนวนหลายหมื่นคน ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ ๒ ตั้งอยู่ในตำบลมะขาม ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔ กิโลเมตร ในบริเวณมีร้านอาหารริมน้ำ ร้านขายของที่ระลึก ขนม ผลไม้ ให้เลือกซื้อเป็นของฝาก

น้ำตกเอราวัณ
เป็นน้ำตกที่ใหญ่ และสวยงามที่สุด แห่งหนึ่ง อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขา สลอบ ห่างจากตัวเมือง ไปทางเส้นทางสายกาญจนบุรี - ศรีสวัสดิ์ ประมาณ ๖๕ กิโลเมตร นักท่องเที่ยว นิยมเดินทางมาพักผ่อน กันเป็นจำนวนมาก ในวันหยุดสุดสัปดาห์

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ลำน้ำตกไหลบ่าซอยเป็นชั้นๆ หลายชั้นทั่วบริเวณร่มครึ้ม ด้วยพันธุ์ไม้ป่า และมีหินงอก หินย้อยประกอบ เป็นฉากที่งดงาม ตั้งอยู่ห่างจาก ตัวเมือง ตามเส้นทาง กาญจนบุรี - ศรีสวัสดิ์ ประมาณ ๑๐๘ กิโลเมตร

เขื่อนศรีนครินทร์
เขื่อนประเภทหินทิ้ง แกนดินเหนียว ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย อยู่ห่างจากน้ำตกเอราวัณ ประมาณ ๔ กิโลเมตร ชมความงดงาม ของธรรมชาติ ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะให้ทั้งความรู้ และความเพลิดเพลิน

จังหวัดกาญจนบุรี :: การเดินทาง

ทางรถยนต์
ไปตามถนนเพชรเกษมหรือไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง ถึงจังหวัดกาญจนบุรี รวมระยะทาง 129 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หรือใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1543

รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ
ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง (วิ่งสายใหม่เส้นถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี) ออกทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30 น. รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20 นาที มีบริการ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางสายเก่า (ถนนเพชรเกษม-อ้อมใหญ่-นครชัยศรี) และเส้นทางสายใหม่ (ถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี) ตั้งแต่เวลา 05.10-21.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กาญจนบุรีทัวร์ โทร. 0 2435 5012 หรือที่เว็บไซต์ http://www.transport.co.th/

รถไฟ
ออกจากสถานีรถไฟบางกอกน้อย วันละ 2 เที่ยว เวลา 07.40 น. และ 13.50 น. แวะจอดที่สถานีกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย โทร. 0 2411 3102

วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 และ 1690 หรือที่เว็บไซต์ http://www.railway.co.th/

การเดินทางภายในจังหวัด
สถานีขนส่งกาญจนบุรี ถ.แสงชูโต มีบริการรถโดยสารภายในจังหวัดที่ค่อนข้างสะดวก มีรถโดยสารไปยังอำเภอต่างๆ เช่น อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี หรือเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตกเอราวัณ น้ำตกเขาพัง น้ำตกไทรโยคใหญ่ รายละเอียดสอบถามสถานีขนส่งกาญจนบุรี โทร. 0 3451 1182

ระยะทางไปจังหวัดใกล้เคียง
จากสถานีขนส่งกาญจนบุรี มีบริการรถโดยสารไปยังจังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม


จังหวัดกาญจนบุรี :: ตัวอย่างโปรแกรมท่องเที่ยว

นั่งรถไฟเที่ยว ( 3 วัน 2 คืน )

วันแรก
- เช้า เดินทางโดยรถไฟ สายบางกอกน้อย - กาญจนบุรี - น้ำตก ที่สถานีรถไฟ บางกอกน้อย ผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ ลงที่สถานีน้ำตก
- จากนั้นต่อรถรับจ้างไปท่าเรือปากแซง นั่งเรือชมทิวทัศน์ ลำน้ำแควน้อย เที่ยวถ้ำละว้า
- พักที่เรือนแพ ริมแม่น้ำแควน้อย

วันที่ 2
- เช้า เที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย ถ้ามีเวลาไปถ้ำสวรรค์วังบาดาล
- บ่าย ขึ้นรถไฟ จากสถานีน้ำตก ไปตัวเมืองกาญจนบุรี ถึงสถานีกาญจนบุรี ชมสุสานดอนรัก เดินเที่ยวย่านตัวเมืองเก่า ชมวัดเหนือ วัดใต้ พิพิธภัณฑ์สงครามโลก ครั้งที่ 2 วัดญวน พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย - พม่า
- เดินทางไป สังขละบุรี (รถประจำทางสาย กาญจนบุรี - สังขละบุรี )
- ถึงสังขละบุรีช่วงเย็น เดินเที่ยวชมสะพานไม้ อุตตมานุสรณ์ วัดวังก์วิเวการาม
- พักที่รีสอร์ต หรือ แพริมน้ำ

วันที่ 3
- เช้า ชมทิวทัศน์ยามเช้าบริเวณที่พัก เหมารถไปเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์
- ช่วงบ่าย กลับไป อ.เมือง เดินเที่ยวชมในตัวเมือง
- กลับกรุงเทพฯ โดยรถประจำทางปรับอากาศ

เที่ยวดอย - ท่องสังขละบุรี ( 3 วัน 2 คืน)

วันแรก
- ออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า มุ่งหน้าสู่ อ.ทองผาภูมิ ออกเดินทางต่อไปตามเส้นทางสู่บ้านอีต่อง แวะชมเขื่อนวชิราลงกรณ์
- ช่วงบ่าย เดินทางสู่ อช.ทองผาภูมิ ถ้าไปถึงไม่เย็นมาก สามารถเดินทางไปบ้านอีต่อง ชมทิวทัศน์ ที่เนินเสาธง และแวะแปลงปลูกดอกไม้เมืองหนาว ที่ ปิล็อกฮิลล์
- พักแรมที่ อช.ทองผาภูมิ กางเต็นท์ หรือ พักบ้านทาร์ซาน ก็ได้

วันที่ 2
- เช้า ชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม ของขุนเขา สลับซับซ้อน และสายหมอก จากเนินกูดดอย
- เดินทางไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ต้องเดินประมาณ 2 กม. ชมธรรมชาติ เล่นน้ำตก
- เดินทางกลับ มุ่งหน้าสู่ อ.สังขละบุรี แวะชมน้ำตกเกริงกระเวีย พักแรมที่รีสอร์ตริมน้ำ ที่ อ.สังขละบุรี

วันที่ 3
- เช้า ชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม ของทะเลสาบเหนือเขื่อน
- เดินเที่ยวสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ ในสายหมอก ชมวัดวังก์วิเวการาม ซื้อของฝากจาก พม่า
- เดินทางไปด่านเจดีย์สามองค์ สามารถขับรถเข้าไปท่องเที่ยว ฝั่งพม่าได้ หรือเลือกเดินเที่ยวซื้อหาสินค้า ที่ด่านฝั่งไทยก็ได้
- บ่าย เดินทางกลับกรุงเทพฯ


จังหวัดกาญจนบุรี : สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอศรีสวัสดิ์

โฮมสเตย์บ้านเขาเหล็ก
บ้านเขาเหล็กเป็นหมู่บ้าน ชาวกะเหรี่ยงเล็ก ๆ อยู่ในตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นหมู่บ้านอยู่ใจกลางหุบเขา ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ มีธรรมชาติสวยงาม ชาวบ้าน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ และหาของป่ามีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย โดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก มีประเพณีวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยง ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติของหมู่บ้านเขาเหล็กได้ ปัจจุบันในหมู่บ้านมีการจัดทำที่พักไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ค้างคืนในหมู่บ้านพร้อมมีบริการอาหารและจัดนำเที่ยว ชมถ้ำธารลอดใหญ่ เดินป่า และจักรยานเสือภูเขาไว้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยตนเอง โดยใช้เส้นทางจากบ้านท่าลำใย ขับรถอ้อมขึ้นเขาไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร จะมีถนนลูกรัง แยกเข้าสู่หมู่บ้านเขาเหล็กอีก 14 กิโลเมตร หรือ ติดต่อที่ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขากาญจนบุรี โทร. 0 3451 2452, 0 3451 2694

เขื่อนศรีนครินทร์
อยู่ห่างจากน้ำตกเอราวัณ ประมาณ 4 กิโลเมตร ทางตอนบนของแม่น้ำแควใหญ่ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกั้นแม่น้ำแควใหญ่ เป็นเขื่อนเอนกประสงค์ที่อำนวยประโยชน์ทั้งในด้านการชลประทาน การลดอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง รวมทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การประมง และเหนือสันเขื่อนยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เขื่อนศรีนครินทร์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร บนทางหลวงสาย 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) ทางเขื่อนมีบ้านพักรับรองไว้บริการนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โทร. 0 2436 6046-8 รานอาหารเรือล่อง โทร. 0 3457 4001 ต่อ 2455, 2457

สวนเวลารำลึก
เป็นสวนที่อยู่ภายในเขื่อนศรีนครินทร์ มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุครบ 90 พรรษา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2533 สวนเวลารำลึกนี้สร้างเป็นสวนประติมากรรมบอกเวลามีสัญลักษณ์รูปนาฬิกาแดด เป็นเครื่องเตือนใจให้รำลึกถึงคุณค่าแห่งชีวิตที่ก้าวล่วงเวลาทุกนาทีที่ผ่านไป สมดังพระราชหฤทัยของสมเด็จย่าที่ทรงตระหนักเป็นแน่แท้ว่า “เวลาเป็นของมีค่า” ซึ่งควรจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ควรปล่อยให้ล่วงเลยไปอย่างไร้ประโยชน์ บริเวณลานโดยรอบจะมีที่นั่งพักผ่อนเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนศรีนครินทร์

สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 55 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 38–39 ขึ้นอยู่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ศูนย์แห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ มีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเพื่อการศึกษาวิจัย จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสื่อความหมายให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพป่าแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เพื่อให้ผู้สนใจศึกษาธรรมชาติพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางที่ 2 เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเนินดินแดงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตามเส้นทางผ่านภูมิประเทศที่แตกต่างกัน เช่น ลำห้วย ลำธาร ทางราบ เนินเขา ในบริเวณศูนย์แห่งนี้มีค่ายพักแรมสำหรับเยาวชน สามารถติดต่อล่วงหน้าโดยทำหนังสือถึงสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เรียนผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 0 2561 4292-3 ต่อ 756 หรือ สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ ตู้ ปณ.5 ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี 71190

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (อุทยานแห่งชาติเขาสลอบ)
เดิมมีชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสลอบ ประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2518 มีเนื้อที่ 343,735 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติเอราวัณเนื่องจากชั้นสูงสุดของน้ำตกเป็นธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายหัวช้างเอราวัณ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ น้ำตกเอราวัณ อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยม่องไล่ไหลผ่านลงจากยอดเขาและผาสูง 2,100 เมตร น้ำตกเอราวัณมีความยาว 1,500 เมตร แบ่งเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นอ่างสามารถเล่นน้ำได้ และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอราวัณ ระยะทาง 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ท่านจะได้รับความเพลิดเพลินในการชื่นชมธรรมชาติและได้ความรู้จากป้ายสื่อความหมาย ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. หรือเว็บไซต์ http://www.dnp.go.th/

การเดินทาง
รถยนต์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงลานจอดรถแล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก

รถโดยสารประจำทาง มีรถสายกาญจนบุรี-เอราวัณออกจากสถานีขนส่ง ถ.แสงชูโต มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ มีเนื้อที่ 953,500 ไร่ ประกาศเป็นเขตอุทยาน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2524 มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ

ถ้ำสวรรค์ เป็นถ้ำที่เพิ่งค้นพบใหม่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณหมู่บ้านต้นมะพร้าว ตำบลแม่กระมุง อำเภอศรีสวัสดิ์ ลักษณะถ้ำเป็นเหมือนอุโมงค์ธรรมชาติ กว้างประมาณ 9 เมตร สูง 9 เมตร ยาว 150 เมตร ที่ผนังถ้ำจะมีภาพวาดของคนโบราณ

การเดินทาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น-น้ำตกเอราวัณ เลี้ยวขวาบริเวณโรงเรียนบ้านต้นมะพร้าว เข้าไปอีก 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงหมู่บ้านต้นมะพร้าว วิ่งรถผ่านหมู่บ้านเข้าไปอีก 500 เมตร ก็จะถึงปากถ้ำ ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และควรติดต่อชาวบ้านในหมู่บ้านต้นมะพร้าวเป็นผู้นำชม

ถ้ำเนรมิต เป็นถ้ำขนาดใหญ่แบ่งเป็นหลายห้องมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ แปลกตา และสวยงามมาก ตั้งอยู่ก่อนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นประมาณ 10 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวไปทางวัดถ้ำเนรมิตอีก 2 กิโลเมตรและเดินเท้าต่ออีกประมาณ 300 เมตร และห่างกันไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตรยังมีถ้ำใหญ่อีก 3 ถ้ำ ได้แก่ ถ้ำน้ำมุด ถ้ำพระปรางค์และถ้ำพระโค ควรติดต่อผู้นำชมหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานฯ เขื่อนศรีนครินทร

การเดินทาง ควรใช้รถกระบะหรือรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ถ้ำน้ำมุด อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณหมู่บ้านน้ำมุด ตำบลแม่กระบุง ปากถ้ำกว้างประมาณ 15 เมตร สูง 10 เมตร ภายในถ้ำเป็นโพรงลึกมีธารน้ำไหลออกมาจากถ้ำตลอดเวลา

ถ้ำพระปรางค์ เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่มีความใหญ่โตและสวยงามมากของจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณบ้านน้ำมุด ตำบลแม่กระบุง ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่างๆ หลายห้องแต่ละห้องมีหินงอก หินย้อยงดงาม

การเดินทาง ใช้เส้นทางน้ำตกเอราวัณ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ก่อนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 11 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าวัดน้ำมุดเข้าไปประมาณ 500 เมตร อ้อมไปทางด้านหลังวัด จอดรถไว้ที่เชิงเขาจะมีทางขึ้นถ้ำระยะทางประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงปากถ้ำ จากจุดจอดรถ ถ้าเดินขึ้นเขาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 130 เมตร ก็จะพบถ้ำอีกถ้ำหนึ่งชื่อ ถ้ำพระโค

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากกาญจนบุรีประมาณ 108 กิโลเมตร น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นมีสภาพสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด น้ำตกไหลมาจากต้นน้ำของเทือกเขากะลาซึ่งเป็นป่าดิบเขาแล้งทางทิศตะวันออกของอุทยานฯ และไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ นับเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง น้ำตกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น มีชื่อเรียกต่างๆกันไปแต่ละชั้น เช่น ชั้นที่ 1 ดงว่าน ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ชั้นที่ 5ไหลจนหลง ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ ชั้นที่ 7 ร่มเกล้า แต่ละชั้นมีความสูงและความงดงามต่างกันไป ทางอุทยานฯได้ทำเส้นทางเดินสำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้นและยังเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว อยู่ในช่วงเดือนตุลาคม–เมษายน ในบริเวณอุทยานฯมีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งร้านอาหารสวัสดิการ ตอนกลางคืน มีการฉายสไลด์ สอยถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์ เวลา 09.00-15.30 น. หรือ http://www.dnp.go.th/

อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ (อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด)
อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ หรืออุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอดนี้มีเนื้อที่ 36,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2523 มีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิเช่น เส้นทางเดินป่าในเขตอุทยานฯ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง คือ

เส้นทางแรก เป็นเส้นทางเดินป่าจากถ้ำธารลอดน้อยถึงถ้ำธารลอดใหญ่ ภายในถ้ำธารลอดน้อยจะเห็นหินงอกหินย้อยสวยงามและมีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำชื่อ ลำกระพร้อย เมื่อพ้นถ้ำธารลอดน้อยออกมาจะต้องเดินป่าต่อไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะถึง น้ำตกไตรตรึงษ์ เดินต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร จะถึง ถ้ำธารลอดใหญ่ รวมระยะทาง 2.5 กิโลเมตร

เส้นทางที่สอง เป็นเส้นทางเดินป่าไปยังน้ำตกธารเงินและน้ำตกธารทองระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร

น้ำตกธารเงิน
เป็นน้ำตกขนาดย่อมลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ถึง 7 ชั้น ใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานถึงชั้นแรกของน้ำตกประมาณ 35 นาที ส่วนน้ำตกธารทองเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 15 ชั้น ใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงชั้นแรกของน้ำตกประมาณ 25 นาที เท่านั้น

ถ้ำพระธาตุ
อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ห่างจากน้ำตกเอราวัณไปประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมือง 76 กิโลเมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยวิจิตรงดงามมาก ที่แปลกคือเป็นหินที่โปร่งแสง ถ้ำมีความยาว 20 เมตร ใช้เวลาชมถ้ำพระธาตุ ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง การเข้าชมถ้ำพระธาตุ นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ณ ที่ทำการ ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทางให้ และควรเดินทางถึงถ้ำก่อนเวลา 15.00 น.

จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอไทรโยค

มหัศจรรย์เขาวงกตต้นข้าวโพด
ตั้งอยู่บนพื้นที่ 26 ไร่ ของ กองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ช่องเขาขาด) ภายในได้ออกแบบทางเดินให้เหมือนกับเขาวงกตรายล้อมด้วยต้นข้าวโพดตลอดทั้งสองข้างทาง และยังมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่งปลูกต้นทานตะวันไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงจังหวัดลพบุรี นอกจากนี้ยังมีหอสังเกตุการณ์ความสูง 34 ฟุต ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบท้าทายความสูง โดยสามารถปีนขึ้นไปชมความสวยงามพร้อมทั้งถ่ายภาพของ "มหัศจรรย์เขาวงกตต้นข้าวโพด" ในมุมมองแบบ Bird eyey view อีกด้วย เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กและนักเรียน 10 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี โทร. 0 3451 1020, 0 3451 3206

การเดินทาง ใช้เส้นทางสายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ประมาณกิโลเมตรที่ 68 ถึงก่อน "ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำ" ประมาณ 200 เมตร

แคมป์ช้างวังโพธิ์
อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟวังโพธิ์ ภายในมีการแสดงช้าง นั่งช้าง และล่องแพ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3459 1018 การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลย 323 แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลย 3343 อีก 7 กิโลเมตร (เส้นทางไปสถานีรถไฟวังโพธิ์)

วัดป่าหลวงตามหาบัว
อยู่ห่างจากตัวเมืองทางไปไทรโยคประมาณ 38 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่จะพบการอยู่ร่วมกันของพระสงฆ์กับเสือ โดยปราศจากอันตราย ผู้มาเยือนจะได้ชมเสืออาบน้ำกับพระ การให้อาหารเสือ และชมสัตว์ป่าอื่น ๆ เช่น นกยูง ชะนี ฯลฯ เปิดให้เข้าชมได้เฉพาะเวลา 13.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tigertemple.org/

วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์เสือในจังหวัดกาญจนบุรี บนพื้นที่ 30 ไร่ มีสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงนานาชนิด อยู่ด้วยกันอย่างอิสระตามธรรมชาติ เช่น เสือโครง เก้ง กวาง หมูป่า ชะนี นกยูง ไก่ป่า ม้า ควาย แพะ นักท่องเที่ยวจะพบเห็นการอยู่ร่วมกันของสัตว์ป่านานาชนิดโดยสันติ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อพระและผู้คนทั่วไป เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปชมเสือโคร่งได้) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน โทร. 0 3453 1557 หรือที่เว็บไซต์ http://www.boonheng.com/ e-mail : watpa@cscoms.com

อุทยานแห่งชาติไทรโยค
มีเนื้อที่ 598,750 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523 สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน ประกอบด้วยพื้นที่ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ไทรโยค ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีค้างคาวที่เล็กที่สุดในโลก คือ ค้างคาวกิตติ และ ปูราชินี ปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลกอาศัยอยู่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทรโยคเคยเป็นค่ายพักแรมของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันปรากฎร่องรอยเตาหุงข้าว และซากเตาไฟอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบร่องรอยมนุษย์ยุคหินเก่า แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
หรือที่เรียกกันว่า "ปราสาทเมืองสิงห์" อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑสถานบ้านเก่าประมาณ 7 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 เส้นทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค จนถึงกิโลเมตรที่ 15 จะมีทางแยกซ้ายไปปราสาทเมืองสิงห์อีก 7 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะการก่อสร้างอยู่ในยุคลพบุรีตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16–18 ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีเนื้อที่ประมาณ 800 กว่าไร่ กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลงขนาดกว้าง 880 เมตร โดยได้รับอิทธิพลทางศาสนา และวัฒนธรรมจากกัมพูชา ตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง คูน้ำ และแนวคันดิน รูปแบบสถาปัตยกรรมและประติมากรรมสร้างตามลักษณะขอมแบบบายน ตรงกับสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของประเทศกัมพูชาที่มีลักษณะช่างท้องถิ่นผสมอยู่ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3458 5052-3

ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำ
ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บริเวณกิโลเมตรที่ 64–65 บนทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ เป็นสถานที่จัดแสดงมินิเธียเตอร์ และรวบรวมข้อมูลภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ระหว่างการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น พิพิธภัณฑ์นี้จัดไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ภายในบริเวณมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมืออันทันสมัยให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3453 1347, 0 1754 2098, 0 1814 7564

ถ้ำวังบาดาล (ถ้าสวรรค์วังบาดาล)
ขึ้นอยู่กับอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ตำบลท่าเสา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 63 กิโลเมตร อยู่ด้านหลังน้ำตกไทรโยคน้อย มีป้ายบอกทางเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯสามารถชมต้นน้ำตกไทรโยค การไปชมถ้ำต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 1,500 เมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพธรรมชาติ ถ้ำวังบาดาลมีความยาว 500 เมตร เป็นถ้ำขนาดเล็กแต่ลึกมาก ปากถ้ำเป็นช่องเล็กๆ แต่เข้าไปได้ทีละคน ลักษณะเป็นเป็นถ้ำหินปูน 2 ชั้น โดยชั้นบนจะมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม แบ่งเป็นห้องหลายห้อง เช่น ห้องม่านพระจันทร์ มีหินงอกหินย้อยลงมาคล้ายกับม่าน ห้องเข็มนารายณ์ มีลักษณะคล้ายเข็มแท่งใหญ่ย้อยลงมาสวยงามมาก ห้องเข็มนารายณ์ มีลักษณะคล้ายเข็มแท่งใหญ่ย้อยลงมาสวยงามมาก ส่วนชั้นล่างมีธารน้ำไหลผ่าน ลักษณะเหมือนอุโมงค์น้ำใต้หินขนาดใหญ่

ถ้ำละว้า
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 75 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ช่วงกิโลเมตรที่ 59–60 ต้องข้ามฝั่งแม่น้ำแควน้อย สามารถเช่าเหมาเรือจากท่าเรือปากแซงข้ามไป ในราคาประมาณ 800–1,000 บาท นั่งได้ 10–12 คน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถ้ำละว้าเป็นถ้าที่สวยงามมาก ค้นพบโดยนายเผิน ดอกเข็ม เมื่อปี พ.ศ. 2496 บริเวณปากถ้ำไม่กว้างนัก แต่ภายในถ้ำกว้างขวางใหญ่โตมาก แบ่งเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องท้องพระโรง ห้องดนตรี ห้องม่าน ห้องพระปรางค์ แต่ละห้องมีความงดงามของหินย้อยแตกต่างกันออกไป บ้างเหมือนม่านโรงละคร บ้างมีประกายระยิบระยับราวกับโรยด้วยกากเพชร

ถ้ำกระแซ
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 55 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตรที่ 29–30 ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี–น้ำตก วึ่งเป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่งและมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา เบื้องล่างเป็นแม่น้ำแควน้อย

ถ้ำดาวดึงส์
อยู่ในเขตอำเภอไทรโยค ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 110 กิโลเมตร และห่างจากริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยขึ้นไปบนเขาประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทาง โดยรถยนต์สามารถเดินทางเข้าทางอุทยานแห่งชาติไทรโยค แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางวัดถ้ำดาวดึงส์ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถ้ำดาวดึงส์มีหินงอกหินย้อยที่งดงามรูปต่าง ๆ เช่น โคมระย้า พระปรางค์ และเจดีย์ ภายในถ้ำมีอากาศโปร่งแต่มืดสนิท ต้องมีไฟฉายหรือตะเกียงไปด้วย และควรมีคนนำทางไป

น้ำตกไทรโยคน้อย (น้ำตกเขาพัง)
อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 323 (ถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) กิโลเมตรที่ 46 เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี บริเวณน้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม จะมีน้ำมาก ในอดีตเมื่อ พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสบริเวณน้ำตกไทรโยค นอกจากนี้บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย ยังได้มีการนำหัวรถจักรไอน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาตั้งไว้เพื่อรำลึกถึงการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ที่สร้างผ่านบริเวณหน้าน้ำตกเข้าสู่ประเทศพม่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดขบวนรถไฟสายน้ำตก พานักท่องเที่ยวไปชมน้ำตกแห่งนี้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 หรือ 1690 หรือที่เว็บไซต์ http://www.railway.co.th/ นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งอำเภอเมือง ผ่านน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งออกทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.30 น.

ปางช้างไทรโยค
ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านลุ่มผึ้ง ตำบลลุ่มสุ่ม มีกิจกรรมล่องแพ นั่งช้างชมป่าธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เปิดบริการนั่งช้างและมีการแสดงช้างทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. การเดินทาง จากตัวเมืองกาญจนบุรีไปตามเส้นทางไทรโยค-ทองผาภูมิ ประมาณกิโลเมตรที่ 45 ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือ ทางรถไฟ ลงรถไฟที่สถานีวังโพธิ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-15.30 น. หากมาเป็นหมู่คณะกรุณาติดต่อล่วงหน้า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3459 1255, 0 3459 1102, 1878 9979 หรือดูเว็บไซต์ http://www.elephantpark.com/


จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอทองผาภูมิ

เหมืองปิล็อก
ตั้งอยู่ในตำบลปิล็อก ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3272 ที่นี่เคยมีการทำเหมืองแร่ดีบุก วุลเฟรม กันมากบนเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างไทยกับพม่า มีอากาศดีโดยเฉพาะฤดูหนาว สามารถชมทัศนียภาพทะเลอันดามันที่จุดชมวิวไทย-พม่า

ระหว่างทางสามารถแวะชม "ปิล็อกฮิลล์" สถานที่ปลูกไม้ผลและไม้ประดับเมืองหนาว ซึ่งอยู่ห่างจากทองผาภูมิประมาณ 32 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งมีบ้านบนต้นไม้ ที่ "บ้านอีต่อง" ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับแนวชายแดนของประเทศพม่า มีน้ำตกสวยงามหลายแห่งซึ่งการจะเข้าถึงน้ำตกจะต้องใช้การเดินเท้า เช่น น้ำตกจ๊อกกะดิ่น และน้ำตกเจ็ดมิตร นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถกางเต็นท์ได้ที่บริเวณเนินช้างศึก และชมทัศนียภาพของบ้านอีต่อง (ประเทศพม่า) ได้ที่เนินเสาธง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองร้อยตระเวนชายแดนที่ 135 โทร. 0 3459 9118

การเดินทาง ควรใช้ความระมัดระวังเนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่มีความสูงชันและคดเคี้ยว เมื่อผ่านอำเภอทองผาภูมิใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3272 ระยะทาง 56 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านไร่อีก 26 กิโลเมตร ถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

เขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 153 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 เหนืออำเภอทองผาภูมิไปประมาณ 6 กิโลเมตร เขื่อนวชิราลงกรณเป็นเขื่อนหิน ถมดาดหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 92 เมตร สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร ยาว 1,019 เมตร กั้นลำน้ำแควน้อย เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์ มีความสวยงามตามธรรมชาติ บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะสำหรับการล่องเรือชมทิวทัศน์สภาพธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำ และสามารถชมสวนมะพร้าวกะทิบนเกาะกลางน้ำซึ่งต้องนั่งเรือจากเขื่อนไป 1 ชั่วโมง ต้องติดต่อล่วงหน้ากับอำเภอทองผาภูมิ มีบริการบ้านพักและเรือ (ต้องเช่าเป็นหมู่คณะ) นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยโทร. 0 3459 8030, 0 3459 9077 ต่อ 2452, 2506 กรุงเทพฯ โทร. 0 2436 6046-8

อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
เป็นชื่อของลำห้วย ซึ่งไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่า กัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูน กลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนาน จึงเกิดเป็นหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จึงมีถ้ำหลายแห่งที่น่าเดินทางเข้าไปสำรวจความงดงาม

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตร ตามทางหลวง 3272 มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอย สามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณและเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบ ปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ

การเดินทาง ห่างจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 59 กม. โดยเป็นเส้นทางลาดยาง แต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง บริเวณอุทยานฯ มีบริการบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 1382 0359 หรือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตู้ ปณ.18 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180

น้ำตกทุ่งนางครวญ
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทุ่งนางครวญ ตำบลชะแล ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 7 ชั้น ร่มรื่นสวยงามมาก สภาพน้ำตกยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณตัวน้ำตกซึ่งเป็นหินปูน แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นหน้าผาขนาดสูงใหญ่ บางชั้นสูงกว่า 35 เมตร และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี

การเดินทาง อยู่ห่างจากจังหวัดกาญจนบุรีประมาณ 190 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางสาย 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) เลี้ยวขวาบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 26 (โดยสังเกตุจากพระพุทธรูปสีขาวที่อยู่บริเวณทางแยก) เดินทางต่อไปอีก 15 กิโลเมตร สภาพถนนเป็นทางราดยางสลับกับทางลูกรังอัดแน่น เมื่อถึงหมู่บ้านทุ่งนางครวญ จะมีทางแยกเข้าน้ำตกอีก 3 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที จึงจะถึงบริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 สภาพถนนเป็นถนนลูกรัง ควรเดินทางโดยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถกระบะและควรติดต่อชาวบ้านเพื่อนำทาง

น้ำตกผาสวรรค์
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่สวยงามลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น และยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยูมาก โดยเฉพาะชั้นที่สูงที่สุดมีความสูงประมาณ 80 เมตร ตัวน้ำตกอยู่ในป่าลึกต้องอาศัยการเดินเท้าต่ออีก 40 นาที ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม

การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 155 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี – ทองผาภูมิ บริเวณกิโลเมตรที่ 110 ผ่านบ้านสหกรณ์นิคมเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาบริเวณทางแยกดินลูกรังอีก 13 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางเชื่อมต่อจากน้ำตกผาตาดแล้วเดินเท้าต่ออีก 40 นาที จึงจะถึงตัวน้ำตก หรือใช้เส้นทางจากน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ผ่านเหมืองเนินสวรรค์ หมู่บ้านสะพานลาวระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร ถึงทางแยกบริเวณโครงการปลูกป่เลี้ยวซ้ายอีก 13 กิโลเมตร ถึงที่จอดรถเดินเท้าต่ออีก 40 นาทีก็จะถึง ถ้าเดินทางในฤดูฝนควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ

น้ำตกผาตาด
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากอำเภอเมือง 140 กิโลเมตร เกิดจากลำห้วยเล็กๆ บริเวณเทือกเขากะลา น้ำตกผาตาดเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีชั้นน้ำตกลดหลั่นกันไปถึง 3 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้าง ความสูงที่ตระการตา และมีน้ำมากในช่วงปลายฤดูฝน บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ

การเดินทาง สามารถเดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 323 ช่วงกิโลเมตรที่ 105–106 โดยเลี้ยวเข้าทางเดียวกับพุน้ำร้อนหินดาด และอยู่เลยจากพุน้ำร้อนหินดาดเข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร

พุน้ำร้อนหินดาด (เดิมเรียกว่าน้ำพุร้อนกุยมั่ง)
เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติริมลำธาร อุณหภูมิประมาณ 45-55 องศาเซลเซียส ค้นพบโดยทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้สร้างเป็นบ่อซีเมนต์ขึ้น 2 บ่อ เชื่อกันว่าน้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ มีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง เช่น โรคเหน็บชา ไขข้ออักเสบ นักท่องเที่ยวสามารถลงอาบน้ำในบ่อได้ และยังมีลำธารน้ำเย็นไหลอยู่ด้านล่างบ่อน้ำร้อน

การเดินทาง สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 บริเวณกิโลเมตรที่ 105–106 อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 135 กิโลเมตร

:: อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ::

:: ข้อมูลทั่วไป ::
สมัย พณฯจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้มีมติการประชุม เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2502 ให้กระทรวงเกษตร (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน) ดำเนินการจัดตั้งป่าเทือกเขาสลอบท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดต่างๆ รวม 14 ป่า ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2504-2515 โดยใช้บริเวณน้ำตกเอราวัณเป็นศูนย์กลางการสำรวจ พบว่า บริเวณป่าเทือกเขาสลอบ จังหวัดกาญจนบุรี มีธรรมชาติที่สวยงามเป็นพิเศษ และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รักษาการณ์ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว กรมป่าไม้จึงมีรายงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ขอเพิกถอนพื้นที่เขตหวงห้ามที่ดินบางส่วนที่เป็นป่าเทือกเขาสลอบ เพื่อเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติได้ โดยมีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนที่ดินหวงห้ามดังกล่าวลงประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที 19 มิถุนายน 2518 และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสลอบ ในท้องที่ตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2518 และให้ใช้ชื่อว่า "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" ตามความนิยมและคุ้นเคยของประชาชนที่รู้จักน้ำตกเอราวัณเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อที่ประมาณ 549.9 ตารางกิโลเมตร หรือ 343,735 ไร่ นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ


:: ลักษณะภูมิประเทศ ::

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ในแถบตะวันออก และตะวันตกของพื้นที่ จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณ จะมีลักษณะเป็นหน้าผา ส่วนบริเวณตอนกลาง จะเป็นแนวเขาทอดยาวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ - ตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญคือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เทือกเขาเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยที่สำคัญหลายสาย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ในพื้นที่ด้านตะวันออกนี้จะมีลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรรจบกันกลายมาเป็นน้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่มีห้วยสะแดะและห้วยหนองกบ โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองกบไหลไปรวมกับห้วยไทรโยคก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยค ส่วนในพื้นที่ด้านตะวันตก และด้านใต้ ได้แก่ ห้วยทับศิลา ห้วยเขาพังซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่สวยงามที่เรียกว่า “น้ำตกเขาพัง” หรือน้ำตกไทรโยคน้อย


:: ลักษณะภูมิอากาศ ::

สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติเอราวัณแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม และฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อุทยานแห่งชาติเอราวัณได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน แต่เนื่องจากพื้นที่อยู่ในเขตเงาฝน ทำให้มีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อนข้างร้อน ลักษณะอากาศดังกล่าวจึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม ทำให้สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู


:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::

สภาพป่าของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประกอบด้วย
ป่าเบญจพรรณ มีร้อยละ 81.05 ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ขึ้นปกคลุมตั้งแต่ระดับความสูง 100 - 800 เมตร จากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ มะค่าโมง ตะเคียนหนู รกฟ้า ผ่าเสี้ยน ประดู่ ส้มเสี้ยว แต้ว มะกอก ตะแบก ขานาง มะเกลือ หว้า ฯลฯ มีไผ่ชนิดต่างๆ ขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปหรือบางแห่งขึ้นเป็นกลุ่ม ได้แก่ ไผ่ป่า ไผ่รวก ไผ่ซางนวล และไผ่หอบ นอกจากนี้ยังมีพวกไม้เลื้อยและพืชพื้นล่าง ได้แก่ เสี้ยวเครือ นมแมว เล็บเหยี่ยว หนามคนทา ช้องแมว มะเม่าไข่ปลา ย่านลิเภา เปล้าหลวง กระทือ สังกรณี และเอื้องหมายนา เป็นต้น

ป่าเต็งรัง มีร้อยละ 1.68 กระจายอยู่ในระดับความสูง 100 - 800 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณทุ่งยายหอม หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ อว.8 (ลำต้น) และบริเวณใกล้เขื่อนทุ่งนา พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง แดง ก่อแพะ มะขามป้อม อ้อยช้าง ยอป่า กรวยป่า โมกหลวง ก้างขี้มอด ส้าน เหมือดคน ฯลฯ พืชพื้นล่างได้แก่ หญ้าขน หญ้าหางเสือ เล็บแมว เถาว์กระทงลาย เป้ง ลูกใต้ใบ ผักหวาน ผักเป็ด พลับพลา และปอ เป็นต้น

ป่าดิบแล้ง มีร้อยละ 14.35 อยู่บนสันเขาทอดเป็นแนวยาวตรงใจกลางของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และอยู่ต่ำถัดลงมาในระดับความสูงระหว่าง 600-800 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และอยู่ในบริเวณที่ชุ่มชื้นตามที่ราบริมห้วย พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยางโอน มะพลับดง ยมหิน ตะเคียนทอง สำโรง ตะคร้ำ สัตบรรณ เฉียงพร้านางแอ มะดูก พลองใบเล็ก ข่อยหนาม ชมพู่น้ำ ฯลฯ พืชพื้นล่างได้แก่ หวายขม เถากระไดลิง เข็มขาว มะลิไส้ไก่ ว่านเศรษฐี ตำแยกวาง เถาอบเชย ไผ่หนาม และเนียมฤาษี

จากการสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ สัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก นก และสัตว์น้ำอื่นๆ รวมทั้งปลานานาชนิด ที่สำคัญและมักจะพบเห็น ได้แก่ ช้างป่า หมีควาย เลียงผา อีเก้ง กวางป่า หมูป่า ชะนีธรรมดา ค่างแว่นถิ่นเหนือ ลิงกัง ลิงลม แมวดาว อีเห็นธรรมดา กระแต เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ไก่ป่า นกกวัก นกเด้าดิน นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกตะขาบทุ่ง นกหัวขวานด่างแคระ นกปรอดสวน นกจาบดินอกลาย งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูหลาม งูเห่าตะลาน กิ้งก่าหัวสีฟ้า จิ้งเหลนบ้าน ตะพาบน้ำ คางคกบ้าน เขียดจะนา อึ่งกราย กบป่าไผ่ใหญ่ ปาดบิน ปลากั้ง ปลาเวียน ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาตะเพียนขาว ปลากระสูบจุด ปูน้ำตก ปูตะนาวศรี ปูกาญจนบุรี เป็นต้น

:: ที่ตั้งและการเดินทาง ::
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
หมู่ 4 ต.ท่ากระดาน อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี 71250
โทรศัพท์ : 0 3457 4222, 0 3457 4234 โทรสาร : 0 3457 4288, 0 3457 4234

รถยนต์
การเดินทางสามารถใช้เส้นทางได้ 2 ทาง คือ
1. เริ่มต้นจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี ไปตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ ข้ามสะพานไปยังตลาดเทศบาลตำบลเอราวัณ แล้วจึงเลยเข้าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางทั้งสิ้น ประมาณ 66 กิโลเมตร

2. ถ้าเดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะมีเส้นทางบริเวณบ้านวังใหญ่อยู่ตอนใต้ของน้ำตกไทรโยคน้อยประมาณ 6 กิโลเมตร ลัดออกไปบ้านโป่งปัดบริเวณเขื่อนท่าทุ่งนา ระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 3199 อีกประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ


รถโดยสารประจำทาง
1. จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ สายกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางต่อโดยรถโดยสารสายกาญจนบุรี - น้ำตกเอราวัณ ลงที่ ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติโดยไม่ต้องต่อรถใดๆ อีก - ค่าโดยสารจาก กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ราคา 86 บาท - ค่าโดยสารจากกาญจนบุรี-น้ำตกเอราวัณ ราคา 35 บาท 2. จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ชั้นล่าง สายกรุงเทพฯ-ด่านเจดีย์สามองค์ ลงที่สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางต่อโดยรถโดยสาร สายกาญจนบุรี - น้ำตกเอราวัณ ลงที่ ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติโดยไม่ต้องต่อรถใดๆ อีก - ค่าโดยสารจาก กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ราคา 90 บาทและ 115 บาท - ค่าโดยสารจากกาญจนบุรี-น้ำตกเอราวัณ ราคา 35 บาท 3. กรณีโดยสารโดยนรถยนต์ส่วนตัว นักท่องเที่ยวสามารถขับรถยนต์มาที่จังหวัดกาญจนบุรี ใช้เวลา 2 ชั่วโมง และขับตามถนนสาย 3199 มาทางอำเภอศรีสวัสดิ์ ประมาณ 66 กม. ถึงน้ำกตกเอราวัณ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที


:: แหล่งท่องเที่ยว :: ด้านประวัติศาสตร์ ::
ถ้ำตาด้วง เริ่มจากจังหวัดกาญจนบุรีไปตามเส้นทางที่จะไปเขื่อนศรีนครินทร์ จนถึงบ้านโป่งปัด แล้วเลี้ยวซ้ายไปยังอำเภอไทรโยคประมาณ 2 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นทางติดกับแม่น้ำแควและสามารถเข้าไปยังด้านหลังเขื่อนท่าทุ่งนาได้ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงเชิงเขาที่มีถ้ำตาด้วง จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาซึ่งค่อนข้างชันมากไปอีก 700-800 เมตร มีภาพเขียนอยู่ที่ผนังปากถ้ำเป็นรูปคนและต้นไม้ นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องใช้สมัยโบราณยุคหินใหม่ เช่น เศษถ้วย ไห เป็นต้น


:: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม ::
น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมมีชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย ตามชื่อลำห้วยม่องล่ายซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตกที่เกิดจากยอดเขาตาม่องล่ายในเทือกเขา สลอบ สายน้ำจะไหลมาตามชั้นหินเป็นระยะทางประมาณ 1,500 เมตร แบ่งออกเป็นชั้นใหญ่ๆ ได้ 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิดบนคาคบไม้ สายธารน้ำที่ไหลตกลดหลั่นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เสียงสาดซ่า คลอเคล้าด้วยเสียงเพรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมีคุณค่าของป่าเขาลำเนาไพรซึมซับเข้าสู่อารมณ์ของผู้ใฝ่ความสันโดษ และรักธรรมชาติโดยแท้จริง ในชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นบนสุดของน้ำตก เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีรูปคล้ายหัวช้างเอราวัณ จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่า “น้ำตกเอราวัณ”


น้ำตกผาลั่น เป็นน้ำตกชั้นเดียวจะมีน้ำเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น


ถ้ำพระธาตุ เป็นถ้ำมืดขนาดใหญ่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 790 เมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 12 กิโลเมตร ทางเข้าถ้ำพระธาตุห่างจากทางแยกเข้าเขื่อนศรีนครินทร์มาตามทางเลียบแนวเขื่อนประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งถ้ำพระธาตุ ปากถ้ำมีขนาดเล็กแต่ตัวถ้ำภายในกว้างใหญ่ ลึกถึง 200 เมตร มีหินงอกหินย้อยเป็นรูปทรงต่างๆ ตามแต่ผู้พบเห็นจะจินตนาการ มีความสวยงามมาก ภายในถ้ำแบ่งเป็น 5 ห้อง ได้แก่ กบจำศีล ท้องฟ้าจำลอง เสาเอก ม่านลิเก และระฆัง อากาศภายในถ้ำโปร่งสบาย


ถ้ำวังบาดาล อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 54 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 ตรงหลักกิโลเมตรที่ 63 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ อว. 3 (วังบาดาล) แล้วเดินทางต่อไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงปากถ้ำ ลักษณะของถ้ำวังบาดาล เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นห้องเล็กๆ มีหลายห้อง ห้องชั้นล่างมีน้ำไหลผ่านและมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้แต่ละห้องยังมีความงามของหินงอกหินย้อย เช่น ห้องม่านพระอินทร์ จะมีลักษณะหินย้อยลงมาคล้ายกับม่าน ห้องเข็มนารายณ์ มีลักษณะคล้ายเข็มแท่งใหญ่ซึ่งวิจิตรงดงามมาก


ถ้ำหมี เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีอากาศถ่ายเทพอควร จากคำบอกเล่าของชาวบ้านว่า ในอดีตถ้ำนี้เป็นที่อยู่ของหมี ทำให้เรียกกันต่อๆ มาว่า “ ถ้ำหมี ” ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องลดหลั่นเป็นชั้นๆ ได้ 5 ห้อง แต่ละห้องจะปรากฏรูปร่างและสีแปลกตา มีหินงอกหินย้อยตามผนังถ้ำสวยงามพอสมควร สามารถเดินทางจากจังหวัดกาญจนบุรีไปก่อนถึงเขื่อนท่าทุ่งนาประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอไทรโยคจนถึงทางเข้าบ้านทับศิลาบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 10 แล้วเดินทางไปตามทางลูกรังอีก 500 เมตร จะถึงบ้านทับศิลาและเข้าซอยสามัคคีธรรม 10 จนถึงคลองตะเคียน จากจุดนี้เดินเท้าไปตามเส้นทางชักลากไม้เก่าต่อไปอีก 7 กิโลเมตร


ถ้ำเรือ เริ่มจากซอยสามัคคีธรรม 10 ข้ามคลองตะเคียนไปประมาณ 100-200 เมตร จะมีทางเลี้ยวขวา ซึ่งรถยนต์จะสามารถแล่นเข้าไปได้ประมาณ 200-300 เมตร จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงถ้ำเรือ ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความลึกประมาณ 40-50 เมตร ไม่มีหินงอกหรือหินย้อย แต่จุดเด่นอยู่ที่มีภาชนะที่ใช้รองน้ำสมัยโบราณวางอยู่ ภาชนะนั้นทำจากไม้ทั้งต้นมาเจาะให้มีลักษณะคล้ายเรือ ส่วนหัวได้ตกแต่งเป็นรูปหัวคน มีตา จมูก และหู 2 ข้าง ซึ่งจะช่วยค้ำไม่ให้พลิกเอียง ปัจจุบันสภาพของภาชนะนั้น แตกหักเหลือที่สมบูรณ์เพียงไม่กี่อัน และมีมูลค้างคาวตกปกคลุมเป็นส่วนใหญ่


เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าดิบแล้งม่องไล่ อุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างความรู้และได้รับความเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กัน ดูรายละเอียดเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินล้านปี เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินล้านปี ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินศึกษาประมาณ 3 ชม . ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการนำเดิน ผ่านสังคมป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ จุดสุดท้ายของเส้นทางบรรจบกับน้ำตกชั้นที่ 5



:: สิ่งอำนวยความสะดวก ::
ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการแก่นักท่องเที่ยวบริเวณลานจอดรถ , ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว , ลานกางเต็นท์, บริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 และน้ำตก ชั้นที่ 2


ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ


ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว จำนวน 10 หลัง ขนาดตั้งแต่ 2 คน ถึง 10 คน ราคาตั้งแต่ 800 บาท ถึง 4000 บาท ตามลำดับ และมีค่ายพักแรม 2 หลัง ขนาด 50 คน ราคา 5000 บาท ต่อคืน


สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์
อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมเต็นท์และสถานที่กางเต็นท์ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง สำหรับอัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 150-300 บาท ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาดของเต็นท์ และอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ เช่น

- เต็นท์โดมขนาด 2 คน ราคา 150 บาท/คืน
- เต็นท์โดมขนาด 3 คน ราคา 225 บาท/คืน
- เต็นท์เคบิน ขนาด 4 คน ราคา 300 บาท/คืน
-**ราคาเฉพาะเต็นท์ไม่รวมอุปกรณ์ เครื่องนอนอื่นๆ

กรณีที่นำเต็นท์ไปกางเอง ต้องเสียค่าบริการสถานที่ 30 บาท/คน/คืน หากไม่มีเครื่องนอน ก็ใช้บริการเครื่องนอน และอุปกรณ์สนามของอุทยานฯ ซึ่งมีอัตราค่าบริการ ดังนี้

-ถุงนอน 30 บาท
-ที่รองนอน 20 บาท
-หมอน 10 บาท
-ตะเกียง 30 บาท
-เรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท
-เสื่อ 15 บาท
-เตา 10 บาท
-ถ่าน 15 บาท
-ผ้าห่ม 20 บาท


ที่จอดรถ มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


บริการอาหาร มีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.


:: อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ::

:: ข้อมูลทั่วไป ::
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอไทรโยค อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วยเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตก น้ำพุร้อน ถ้ำ และเกาะแก่งต่างๆ ในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีเขตติดต่อกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีเนื้อที่ประมาณ 957,500 ไร่ หรือ 1,532 ตารางกิโลเมตร

ความเป็นมา : เนื่องจากป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำแควใหญ่เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ มีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีสัตว์ป่าชุกชุม และมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง เช่น น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำพุร้อน ถ้ำ และทะเลสาบ ทั้งเพื่อเป็นการสนองมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2522 ที่ให้รักษาป่าไว้โดยการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2523 กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้มีคำสั่งที่ 71/2523 ลงวันที่ 11 มกราคม 2523 ให้นายนิสัย ฟุ้งขจร นักวิชาการป่าไม้ 5 ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณทำการสำรวจพื้นที่ ประกอบกับในคราวประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ 3/2522 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2522 นายผ่อง เล่งอี้ ผู้อำนวยการกองอุทยานแห่งชาติ ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า กรมป่าไม้ มีโครงการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติบริเวณน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อำเภอศรีสวัสดิ์ ดังนั้นจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้แต่งตั้งคณะสำรวจของจังหวัดทำการสำรวจด้วยเช่นกัน ซึ่งพบว่า พื้นที่ป่ามีสภาพภูมิประเทศและทิวทัศน์สวยงาม มีลักษณะทางธรรมชาติที่เด่นหลายแห่ง เหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ

กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2523 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2523 เห็นสมควรดำเนินการกำหนดพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาพระฤาษีและป่าเขาบ่อแร่ ในท้องที่ตำบลชะแล ตำบลท่าขนุน ตำบลหินดาด ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ ตำบลเขาโจด ตำบลนาสวน ตำบลด่านแม่แฉลบ ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 98 ตอนที่ 210 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 38 ของประเทศ

:: ลักษณะภูมิประเทศ ::
พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ส่วนหนึ่งเกิดจากสร้างเขื่อนศรีนครินทร์กั้นขวางแม่น้ำแม่กลอง (แควใหญ่) โดยมีแม่น้ำ ลำห้วย ลำธารที่สำคัญหลายสายไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เช่น ห้วยแม่ขมิ้น ห้วยขาแข้ง ห้วยแม่วง ห้วยเกรียงไกร และห้วยแม่พลู เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลำห้วยลำธารอีกหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยบริเวณเขตอำเภอไทรโยค เช่น ห้วยลิ่นถิ่น เป็นต้น สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนและหินตะกอนเป็นส่วนใหญ่ ระดับความสูง สูงสุดประมาณ 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 400 เมตร พื้นที่น้ำในทะเลสาบเหนือเขื่อนศรีนครินทร์มีระดับความสูงสุดประมาณ 180 เมตรจากระดับ น้ำทะเลปานกลาง


:: ลักษณะภูมิอากาศ ::
สภาพพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เป็นพื้นที่เงาฝน (rain shadow) ทำให้มีฝนตกน้อย อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาว โดยมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 44-45 องศาเซล-เซียสในเดือนเมษายน อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนธันวาคมประมาณ 8-9 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซล-เซียส ช่วงฤดูฝนเริ่มตกจากกลางเดือนเมษายน และสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 1,600 มิลลิเมตร


:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::
สภาพป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง
ป่าเบญจพรรณ พบขึ้นปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ในบริเวณค่อนข้างราบถึงเนินเขา ในบางพื้นที่จะพบไม้ไผ่ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มหนาแน่นมาก มีไม้ยืนต้นอื่นขึ้นแทรกอยู่บ้างเพียงประปราย พบมากในบริเวณตอนกลางติดกับชายฝั่งอ่างเก็บน้ำ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ แดง มะค่าโมง ประดู่ รกฟ้า มะกอกป่า กระโดน ตะแบก ไผ่บง ไผ่รวก และไผ่ซาง มีสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในสังคมป่าชนิดนี้ได้แก่ ลิงกัง พญากระรอกดำ เม่นใหญ่แผงคอสั้น หมาจิ้งจอก หมาไน กระทิง ช้างป่า เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ไก่ป่า นกเขาเปล้าธรรมดา นกกะเต็นแดง นกโพระดกธรรมดา นกแอ่นฟ้าหงอน นกกระรางสร้อยคอใหญ่ นกจับแมลงคอสีฟ้า เต่าเหลือง ตะกวด จิ้งเหลนภูเขาเกล็ดเรียบ งูเหลือม งูหมอก งูปี่แก้วลายหัวใจ และกบหนอง เป็นต้น ส่วนบริเวณยอดเขาหินปูนที่เป็นสังคมป่าชนิดนี้จะพบเลียงผาอาศัยอยู่

ป่าเต็งรัง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง แดง ตะคร้อ ฯลฯ พืชพื้นล่างเป็นพวก เป้งดอย ปรงป่า และไผ่เพ็ก สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณสังคมพืชป่าเต็งรัง ได้แก่ กระรอกปลายหางดำ กระจงเล็ก กวางป่า นกกระรางหัวขวาน นกตีทอง นกหัวขวานสี่นิ้วหลังทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกแซงแซวหางปลา ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางหนาม จิ้งเหลนหลากหลาย งูกะปะ เป็นต้น

ป่าดิบแล้ง พบขึ้นประปรายอยู่ทั่วเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ มักจะพบในบริเวณที่อยู่ทางด้านรับลมที่พัดพาฝนมาปะทะภูเขา หรืออยู่ริมสองฝั่งของลำธาร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะเคียนหิน มะเกิ้ม ยมหิน กระเบากลัก ยมหอม สมพง งิ้วป่า พลอง ขะเจ๊าะ กระโดน และเปล้า เป็นต้น สัตว์ป่าที่พบได้แก่ ลิงลม ค่างแว่นถิ่นเหนือ ชะนีมือขาว พญากระรอกบินหูแดง หมาไม้ อีเห็นธรรมดา เสือโคร่ง ไก่ฟ้าหลังเทา นกเขาเขียว นกตะขาบดง นกแก๊ก นกกก นกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ เต่าหก เหี้ย งูลายสาบคอแดง งูเขียวหางไหม้ท้องเขียว งูหลาม และเขียดตะปาด เป็นต้น

บริเวณอ่างเก็บน้ำและลำห้วยต่างๆ สัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่พบอาศัยอยู่ได้แก่ คางคกแคระ เขียดอ่อง กบทูด กบชะง่อนหินเมืองเหนือ ปาดลายหินเมืองเหนือ อึ่งแม่หนาว ปลากราย ปลากระสูบขีด ปลากดเหลือง ปลาชะโด ปลาเวียน ปลาปลาเลียหิน ปลากระทิงดำ เป็นต้น สำหรับในบริเวณพื้นที่ที่ถูกราษฎรบุกรุกเข้าไปเพื่อปลูกพืชเกษตรภายหลังได้อพยพออกไปแล้ว และบริเวณริมอ่างเก็บน้ำที่ถูกตัดต้นไม้ออกหมด สัตวป่าที่อาศัยอยู่ได้แก่ เก้ง กระต่ายป่า อ้น นกยางกรอกพันธุ์จีนนกยางโทนใหญ่ นกกระแตแต้แว้ด นกกระปูดใหญ่ นกอีวาบตั๊กแตน นกตะขาบทุ่ง นกปรอดสวน กิ้งก่าแก้ว กิ้งก่าหัวแดง แย้ อึ่งอ่างบ้าน และอึ่งขาดำ เป็นต้น


:: ที่ตั้งและการเดินทาง ::
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
ตู้ ปณ.1 อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี 71250
โทรศัพท์ : 0 3451 6667 โทรสาร : 0 3451 6667

รถยนต์
1. เส้นทางจากเขื่อนศรีนครินทร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผ่านทางแยกเข้าน้ำตกเอราวัณ ถ้ำพระธาตุ สภาพเส้นทางเป็นถนนลูกรัง ในช่วงหน้าฝนถนนจะขรุขระมาก เป็นถนนเลียบขอบทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ไปจนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทาง 45 กิโลเมตร เส้นทางนี้เหมาะสำหรับรถกระบะ

2. เส้นทางเอราวัณ-ศรีสวัสดิ์ ถึงท่าแพห้วยแม่ละมุ่น ข้ามจากฝั่งแม่ละมุ่นโดยแพขนานยนต์มายังศรีสวัสดิ์ ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นขับรถต่ออีกประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงท่าแพที่ 2 ข้ามจากศรีสวัสดิ์ทางแพขนานยนต์มายังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ใช้เวลา 45 นาที ขับรถต่อจากท่าแพอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เส้นทางนี้เหมาะสำหรับรถเก๋ง และรถตู้


เรือ
เช่าเหมาเรือเอกชนจากท่าต่างๆ เช่น ท่าเรือหม่องกระแทะ ท่าเรือท่ากระดาน ท่าเรือตลาดเขื่อนฯ หรือท่าเรือเขื่อนนครินทร์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


:: แหล่งท่องเที่ยว :: ด้านประวัติศาสตร์ ::
ถ้ำพระ แยกจากทางเข้าถ้ำน้ำมุดไปตามทางลำลองประมาณ 2 กิโลเมตร เดินขึ้นเขาประมาณ 300 เมตร ถึงปากถ้ำ ถ้ำพระเป็นถ้ำธรรมชาติแวดล้อมด้วยป่าไผ่ มีขนาดใหญ่ เพดานสูงประมาณ 20 เมตร กว้างประมาณ 15 เมตร มีพระพุทธรูปปั้นที่ชาวบ้านสร้างไว้ ประดิษฐานอยู่ในถ้ำบริเวณห้องโถงใหญ่ มีถ้ำโพรงออกจากห้องโถงใหญ่ไปทั้งสองปีก เป็นถ้ำลึกที่ลาดเทลงต่ำ ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีโพรงลึกลงไปใต้ถ้ำ ซึ่งเป็นโพรงที่ติดต่อกับถ้ำน้ำมุดส่วนใน ซึ่งไม่สามารถเข้าทางปากถ้ำน้ำมุดได้ มีค้างคาวอาศัยอยู่ภายในถ้ำด้วย สมัยก่อนเคยเป็นที่หลบซ่อนของทหารไทยที่หลบหนีกองทัพพม่า ซึ่งบุกรุกเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยาในศตวรรษที่ 18


:: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม ::
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเพียง 100 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เกิดจากลำห้วยแม่ขมิ้นที่ไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวยงามทั้งหมด 7 ชั้น คล้ายกับน้ำตกเอราวัณ แต่ละชั้นมีชื่อเรียกเรียงลำดับจากชั้นที่ 1 - 7 ดังนี้ คือ ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า ระยะทางรวม 2,270 เมตร นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติของป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง โดยจะผ่านจุดชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ผู้สนใจติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


ถ้ำเนรมิต อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปทางทิศใต้ประมาณ 13 กิโลเมตร บริเวณบ้านต้นมะพร้าว ตำบลแม่กระบุง อำเภอศรีสวัสดิ์ เดินเท้าถึงปากถ้ำระยะทางประมาณ 300 เมตร เป็นถ้ำหินปูนขนาดกลาง แบ่งออกเป็น 3 ห้อง คือ ห้องโถงใหญ่ เป็นห้องที่กว้างที่สุดและมีความสวยงามของหินงอกหินย้อยบริเวณเพดานและผนังถ้ำ ห้องพิธีกรรม มีหินงอกขนาดต่างกัน ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเทียนเข้าพรรษา ตั้งอยู่เรียงรายทั่วไป คล้ายกับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ห้องลูกนิมิต หรือห้องไข่เอเลี่ยน มีหินย้อยคล้ายลูกนิมิตติดอยู่ตามเพดานถ้ำจำนวนมาก มีรูปแปลกตา ความอลังการของห้องนี้ หลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนไข่เอเลี่ยนในภาพยนตร์


น้ำโจน เป็นแหล่งน้ำที่สวยงาม อยู่เกือบติดเขตด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติ


พุน้ำร้อนห้วยแม่ขมิ้น เป็นที่นิยมลงอาบกันของนักท่องเที่ยว การคมนาคมสะดวกอยู่ติดเส้นทางรถยนต์


ทิวทัศน์เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นความงามของสองฟากฝั่งทะเลสาปเหนือเขื่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมธรรมชาติได้ เป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร


น้ำตกผาตาด เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งในเขตอำเภอทองผาภูมิ ทางเข้าบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 บริเวณบ้านหินดาดมีทางแยกเข้าสู่น้ำตก ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.4 (ผาตาด) จากนั้นเดินต่อไปยังน้ำตกอีก 200 เมตร ในฤดูฝนเส้นทางเดินจะลื่น นักท่องเที่ยวควรเดินด้วยความระมัดระวัง และไม่นำอาหารขึ้นไปบริเวณน้ำตก ควรรับประทานอาหารบริเวณที่อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่ไว้เท่านั้น น้ำตกผาตาดเกิดจากลำห้วยกุยมั่ง ไหลลดหลั่นตกลงมาตามหน้าผาหินปูนสูง 30 เมตร มี 3 ชั้น แต่ละชั้นมีขนาดใหญ่และมีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำ มีความร่มรื่นของพันธุ์ไม้นานาชนิด มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาแน่น

นอกจากการเที่ยวน้ำตกผาตาดแล้ว บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ศร.4 (ผาตาด) ยังมีบ้านพัก สถานที่กางเต็นท์ ซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าเขาและน้ำตก มีห้องน้ำ-ห้องสุขา ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่นิยมการพักแรมกางเต็นท์ และการเดินป่าระยะไกล


ถ้ำพระปรางค์ ถ้ำพระปรางค์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าถ้ำต้นมะพร้าว อยู่บริเวณบ้านต้นมะพร้าว ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ โดยเดินเลียบห้วยกระบุงประมาณ 500 เมตร ถึงบริเวณปากถ้ำ ภายในถ้ำมีหินงอกเป็นรูปคล้ายพระปรางค์ที่สวยงามมาก บริเวณหินงอกหินย้อยมีแร่ไมก้าปะปนอยู่ เวลาต้องแสงไฟจะสะท้อนเป็นประกายที่งดงามมาก


ถ้ำน้ำมุด ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3199 แยกเข้าทางแยกบ้านแก่งเรียงประ-มาณ 30 กิโลเมตร ถึงทางแยกบริเวณจุดสกัดหนองเป็ด เดินทางเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะถึงวัดถ้ำน้ำมุด แล้วเดินเท้าอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงบริเวณถ้ำ ปากถ้ำอยู่บริเวณลาดเขา มีขนาดใหญ่ ในถ้ำมีห้วยน้ำมุดไหลลอดเขาหินปูน ซึ่งจะโผล่ออกที่ปากน้ำมุดบริเวณเชิงเขา สวยงามมาก


น้ำตกผาสวรรค์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่สวยงาม มีความสูงประมาณ 80 เมตร ไหลลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม น้ำตกอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 155 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 323 เส้นทางกาญจนบุรี - ทองผาภูมิ บริเวณกิโลเมตรที่ 108 เข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาบริเวณทางแยกดินลูกรังอีก 13 กิโลเมตร



:: สิ่งอำนวยความสะดวก ::
ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการ


ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ


ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว 2 โซน คือ
1. โซนที่ทำการอุทยานแห่งชาติ บริเวณน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เขตอำเภอศรีสวัสดิ์
2. โซนหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ บริเวณน้ำตกผาตาด เขตอำเภอทองผาภูมิ ทางเข้าบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 เข้าทางแยกบ้านหินดาด


สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมเต็นท์ และสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ใกล้น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 1 จุด และบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ศร.4 (ผาตาด) ใกล้น้ำตกผาตาด 1 จุด การสำรองที่พักเต็นท์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่พักเต็นท์ได้กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง


ที่จอดรถ มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


บริการอาหาร มีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว


ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.


ระบบสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้า ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำตก (น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น บริเวณชั้นที่ 1) และในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจำนวนมาก จะใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าปั่นไฟฟ้าเข้าระบบจ่ายไฟด้วย


:: อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ::

:: ข้อมูลทั่วไป ::
สโมสรโรตารี่ทองผาภูมิได้เสนอให้กรมป่าไม้ จัดตั้งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤาษีบ่อแร่แปลง 2 อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พื้นที่ประมาณ 300,000 ไร่ เป็นอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากมีสภาพพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์จุดเด่นทางธรรมชาติสวยงาม

กรมป่าไม้ได้พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และแหล่งต้นน้ำลำธาร ตามนโยบายของรัฐบาล จึงให้นายศราวุธ เมืองพระ เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ตำแหน่งเลขที่ 2237 ทำหน้าที่หัวหน้าวนอุทยานพุม่วง และวนอุทยานพระแท่นดงรัง ไปดำเนินการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม และจัดตั้งพื้นที่ป่าดังกล่าวในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และให้นายปรีชา ภู่ระหงษ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ตำแหน่งเลขที่ 2225 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไปปฏิบัติงานทำหน้าที่หัวหน้าวนอุทยานพุม่วง และวนอุทยานพระแท่นดงรัง ทั้งนี้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 อนุญาตให้นักวิชาการป่าไม้ เจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ เจ้าพนักงานป่าไม้ ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินี้ตามคำสั่งกรมป่าไม้ มีอำนาจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ในการควบคุม ดูแลรักษาหรือบำรุงป่าสงวนแห่งชาติได้

ต่อมาอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้มีหนังสือ ที่ กษ 0712.444/56 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2543 จัดส่งข้อมูลเพื่อนำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ และให้ดำเนินการกับพื้นที่ ที่จะส่งผลกระทบต่อการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นไปไม่ให้ขัดกับพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ออกจากพื้นที่เตรียมประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำคลองงู

ผืนป่าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู มีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นเพราะที่ตั้งอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ อยู่ในบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ดังนั้นจึงมีความหลากหลายทางด้านพรรณพืชและสัตว์ป่า เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาหาความรู้ นอกจากนี้ยังมีเสาเขาหินปูนที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงประมาณ 62.5 เมตร ซึ่งเป็นต้นน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ มีเนื้อที่ 375,000 ไร่ หรือ 600 ตารางกิโลเมตร ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้

:: ลักษณะภูมิประเทศ ::

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในทิศเหนือ–ใต้เป็นส่วนใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเลประมาณ 100 – 1,000 เมตร ยอดเขาที่สำคัญได้แก่ ยอดเขาบ่องาม


:: ลักษณะภูมิอากาศ ::

เป็นแบบมรสุมเขตร้อน โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในฤดูร้อน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในฤดูหนาว สภาพพื้นที่เป็นหุบเขาสลับซับซ้อน จึงทำให้มีอากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาว แบ่งได้เป็น 3 ฤดูได้แก่ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง เดือนตุลาคม ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะท้องฟ้าจะมีเมฆมากในราวเดือนมิถุนายน ถึง เดือนกันยายน และมีเมฆน้อยในเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน


:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::

สภาพป่าโดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก ประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
ป่าเบญจพรรณแล้งสูงผสมไผ่ พบมากในพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบน และตอนปลายของห้วยลำคลองงู ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 300 เมตรขึ้นไป มีไผ่ 2-3 ชนิด ขึ้นปะปนอยู่ค่อนข้างหนาแน่น ส่วนระดับความสูงกว่า 500 เมตร มีไม้ไผ่ขึ้นปะปนค่อนข้างเบาบาง พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ประดู่ มะค่าโมง จำปีป่า จำปาป่า ก่อ กระพี้เขาควาย ตะแบก มะเกลือ กาสามปีก ไผ่หก และไผ่รวก เป็นต้น

ป่าเบญจพรรณแล้งต่ำผสมไผ่ พบขึ้นปกคลุมพื้นที่บริเวณที่มีความสูงน้อยกว่า 300 เมตรจากระดับน้ำทะเลลงมา มีไผ่ 2-3 ชนิด ขึ้นปะปนค่อนข้างหนาแน่น

ป่าดิบแล้ง พบบริเวณลำห้วยต่างๆ และตามหุบเขาที่มีความชันมาก ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500-700 เมตร พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยาง กระบก กระบาก สมพง มะไฟป่า ชมพู่น้ำ ฯลฯ พืชชั้นล่างได้แก่ เต่าร้าง หวาย และพืชในวงศ์ขิงข่า

พื้นที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นป่าผืนเดียวกันกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จึงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม ปัจจุบันสัตว์ป่ามีจำนวนลดลง เนื่องจากถูกราษฎรในพื้นที่แผ้วถางป่า อันเป็นแหล่งอาศัยและทำลายอย่างหนัก สัตว์ป่าบางส่วนจึงอพยพหนี เข้าไปอาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แต่ก็ยังมีการอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ และเข้ามาหากินในพื้นที่อยู่เสมอ เท่าที่สำรวจพบและสอบถามจากราษฎรในพื้นที่ได้แก่ เลียงผา ช้างป่า เก้ง กวางป่า หมูป่า หมีควาย เสือลายเมฆ เสือโคร่ง กระจง ลิง ค่าง ชะนี อีเห็น กระรอก กระแต ชะมด หนู นกเงือก พบบริเวณเทือกเขาต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และยังพบนกนางแอ่นลมอาศัยกันอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณถ้ำคลองงูตอนกลาง นอกจากนี้ยังมีนกเขาเหยี่ยว นกฮูก นกเค้าแมว นกกระปูด นกปรอด นกกางเขน นกขุนทอง นกแซงแซว นกตะขาบ นกหัวขวาน นกขมิ้น นกกวัก ไก่ป่า ไก่ฟ้า งู ตะกวด ลิ่น ตุ๊กแกป่า กิ้งก่าบิน กิ้งก่าแก้ว จิ้งเหลน ตะขาบ ตะพาบ น้ำ กบ เขียด คางคก ปาด อึ่งอ่าง จงโคร่ง ปลาเวียน ปลากระทิง และปลาก้าง เป็นต้น


:: ที่ตั้งและการเดินทาง ::
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ตู้ ปณ.4 ปทจ.ทองผาภูมิ อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี 71180

รถยนต์
จากจังหวัดกาญจนบุรีเดินทางสู่อำเภอทองผาภูมิตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 แล้วเดินทางต่อจากอำเภอทองผาภูมิตามเส้นทางดังกล่าวไปประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงบริเวณสามแยกพุทโธเลี้ยวขวาไปประมาณ 12 กิโลเมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู


:: แหล่งท่องเที่ยว :: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม ::
ถ้ำเสาหิน อยู่บริเวณตอนปลายของลำห้วยคลองงู ซึ่งภายในถ้ำเป็นธารน้ำไหลตลอดปี จุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ เสาหินขนาดใหญ่ เกิดจากหินปูนก่อตัวกันมาเป็นเวลานานนับล้านปี ตั้งตระหง่านอยู่ภายในตรงกลางถ้ำ มีความสูงจากพื้นถึงเพดานถ้ำวัดได้ประมาณ 61 เมตร จัดได้ว่าเป็นหินปูนที่สูงเท่าที่เคยพบมาในปัจจุบัน (2538) อีกทั้งภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ เป็นจำนวนมากจัดว่าเป็นปฏิมากรรมทางธรรมชาติที่งดงามอย่างยิ่ง

การเดินทางเข้าชมถ้ำเสาหิน เข้าถึงได้โดยทางเรือภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ขึ้นที่ท่าแพน้ำโจน บริเวณปากห้วยคลองงูแล้วเดินเท้าต่อประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณปากน้ำ ตลอดเส้นทางจะพบน้ำตก เกิดจากลำห้วยคลองงูไหลลดหลั่นกันลงมา บางครั้งอาจพบเห็นสัตว์ป่าลงมากินน้ำอีกด้วย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมอยู่บ้าง โดยเดินทางไปเป็นหมู่คณะ และมีแนวโน้มว่า จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในอนาคต


ถ้ำนกนางแอ่น เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีลำห้วยคลองงูไหลผ่านตลอดเช่นเดียวกับถ้ำเสาหินเป็นที่อาศัยของนกนางแอ่นจำนวนมาก บนเพดานถ้ำมีช่องเปิดหลายแห่ง ผนังถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแคลไซด์แวววาว ในถ้ำมีหินงอกลักษณะคล้ายถ้วยเวิลด์คัพขนาดใหญ่ และหินปูนแผ่กว้างเป็นม่านน้ำตกสูงใหญ่หลายสิบเมตร


ถ้ำน้ำตก มีธารน้ำใต้ดินไหลลดหลั่นกันลงมาเกิดเป็นน้ำตกที่สวยงามถึง 17 ชั้น อีกทั้งมีหินงอกหินย้อยที่เป็นแคลไซต์บริสุทธิ์มีสีขาวใส เมื่อต้องแสงไฟจะมีแสงระยิบระยับ และยังมีภาพเขียนผนังถ้ำเป็นลักษณะภาพคนและสัตว์เขียนด้วยถ่านบนผนังหินทรายสีขาวประมาณ 30 ภาพ


ถ้ำใหญ่ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ภายในถ้ำมีสันทรายเป็นบริเวณกว้างมีธารน้ำจากพื้นและผนังไหลอ้อมสันทรายเป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร


น้ำตกนางครวญ มีต้นกำเนิดจากห้วย 2 สาย คือ ห้วยทองผาภูมิ ไหลมาจากเขาแปดร้อย และห้วยชะอี้รวมเป็นห้วยใหญ่ไหลลงสู่หุบเขาเกิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม น้ำตกนางครวญมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นที่สวยที่สุดคือ ชั้นที่ 3 สายน้ำไหลตกมาจากหน้าผาสูง 30 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำกว้างซึ่งสามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณรอบน้ำตกเป็นป่าดงดิบ มีโอกาสพบเห็นนกหลายชนิด เช่น นกขุนแผน นกเงือก เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ทำการสำนักงานอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ยังตั้งอยู่บริเวณนี้ด้วย นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานฯ ควรมาเดินทางมาที่ที่ทำการอุทยานฯ เพื่อรับข้อมูล ข่าวสาร และคำแนะนำในการท่องเที่ยวจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นลำดับแรกก่อน จะได้ท่องเที่ยวอย่างถูกวิธี ได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน และเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเอง


น้ำตกคลีตี้ เป็นน้ำตกที่เป็นเขาหินปูนน้ำจึงใสและเย็น ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามเฉพาะตัว ชั้นที่มีความสูงที่สุดประมาณ 20 เมตร บางช่วงเป็นอ่างขนาดใหญ่กว้างประมาณ 50 เมตร ความยาวตลอดตัวน้ำตก ประมาณ 800 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี



:: สิ่งอำนวยความสะดวก ::
สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติ ยังไม่ที่พัก-บริการไว้บริการนักท่องเที่ยว มีแต่สถานที่กางเต็นท์ให้บริการนักท่องเที่ยว หากสนใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ ท่านสามารถนำเต็นท์และอาหารไปเอง หรือติดต่อขอใช้บริการเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติ รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ ขอให้ติดต่อสอบถามกับอุทยานแห่งชาติโดยตรง



จังหวัดกาญจนบุรี :: เทศกาล งานประเพณี

รำเหย่ย
เทศกาลตรุษสงกรานต์ ปีใหม่ เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวกาญจนบุรีมาแต่บรรพกาลราวๆ 500 ปีเศษมาแล้ว จะเล่นกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ ปีใหม่ เป็นต้น วิธีการเล่น คือ ฝ่ายชายฝ่ายหญิงยืนล้อมวงกัน มีการร้องนำ ร้องแก้ และลูกคู่ ร้องรับพร้อมปรบมือเป็นจังหวะ ขณะร้องแก้นั้นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จะออกมาร่ายรำทีละคู่เปลี่ยนกันไป มีกลองยาวหนึ่งวง การแต่งกาย ชายนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อคอกลมผ้าขาวม้าพาดไหล่ หญิงแต่งชุดไทยห่มสไบเฉียง ปัจจุบันนิยมเล่นกันในเขตท้องที่อำเภอพนมทวนเท่านั้น

งานเทศกาลชาวเรือชาวแพ
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่บริเวณถนนสองแคว ริมน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี ภายในงานมีกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน การแสดงมหกรรมลูกทุ่ง นิทรรศการทางวิชาการ เกี่ยวกับการอนุรักษ์แม่น้ำลำคลอง และการแข่งขันกีฬาทางน้ำประเภทต่างๆ อาทิ เรือยาว เรือเร็ว เจ็ตสกี เป็นต้น

งานวันอาบน้ำแร่แช่น้ำตก
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน บริเวณพุน้ำร้อนหินดาด หมู่ 5 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ ภายในงานมีกิจกรรมออกร้านผลิตผล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร นิทรรศการการท่องเที่ยวของอำเภอทองผาภูมิ นักท่องเที่ยวยังจะได้อาบน้ำแร่ที่พุน้ำร้อนหินดาด และเที่ยวชมความงามของน้ำตกผาดาด

งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว
ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของการสร้างทางรถไฟสายมรณะและสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี การแสดงพื้นบ้าน การออกร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ กิจกรรมบันเทิงและการแสดงแสงและเสียง


จังหวัดกาญจนบุรี :: ของฝาก ของที่ระลึก

ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง

อำเภอเมือง

อนันตพลพลอยกาญจน์
284/31 ถ.แสงชูโต ต.บ้านเหนือ (เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3451 2144, 0 1857 7588, 0 1858 8833

บุญเยี่ยมเจียระไน
(เชิงสะพานแม่น้ำแคว) 395/403 ถ.แม่น้ำแคว ต.ท่ามะขาม (เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3451 2596, 0 3451 1523


โบราณวัตถุ

คนโบราณ
12/11 (หน้าสถาบันราชภัฏกาญจนบุรี) เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. โทรศัพท์ : 0 3463 3349, 0 1995 0056, 0 9415 9235

อัญมณี


พลอยไพลิน
420-422 ถ.แม่น้ำแคว ต.ท่ามะขาม (เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3451 2596, 03451 3478

อำเภอท่าม่วง

รจนา
46/2 หมู่ 1 ต.ท่าล้อ (เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3451 3667

วิมลวุ้นมะพร้าวอ่อน
4/4 หมู่ 2 ถ.แสงชูโต ต.ท่าล้อ โทรศัพท์ : 0 3451 5363, 0 3456 6017, 0 3456 6871

วุ้นเส้นท่าเรือ
240 ม.4 ถ.แสงชูโต (สายใหม่) ระหว่าง กม.109-110 ต.วังศาลา โทรศัพท์ : 0 3461 2465-7

ศรีฟ้าของฝาก
299 หมู่ 4 ถ.แสงชูโต (สายใหม่) ต.วังศาลา (เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-21.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3461 3074-6


มะขามแปรรูป

บ้านมะขามกวนแก้ว
794/12-13 หมู่ 2 ถ.แสงชูโต ต.ท่าม่วง โทรศัพท์ : 0 3461 2178, 0 3450 4608

ของฝากทั่วไป

ศูนย์รวมผ้าทอมือ
10 หมู่ 1 ต.หนองขาว (เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-19.30 น.) โทรศัพท์ : 0 3458 6061, 0 3458 60

ผ้าขาวม้า

กลุ่มมัดย้อมผ้าทอหนองขาว
ศูนย์ชุมชนฯ หน้าวัดหนองขาว หมู่ 1 ถ.สุพรรณบุรี-อู่ทอง (ทางหลวงหมายเลข 324) ต.หนองขาว (เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3465 9515, 0 1824 6612

อำเภอท่ามะกา

วุ้นเส้นท่าเรือ
ถ.แสงชูโต (สายใน) ต.ท่าเรือ (เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-18.30 น.) โทรศัพท์ : 0 3456 1531, 0 1899 2475

อำเภอบ่อพลอย

ศูนย์หัตถกรรมอัญมณีบ่อพลอยเจมส์
499/1 หมู่ 1 ถ.บ่อพลอย-ด่านช้าง ต.บ่อพลอย (เปิดตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.) โทรศัพท์ : 0 3458 1095, 0 34558 1192, 0 3462 8136


:: สารบัญเว็บไซท์ ::

:: ข้อมูล สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดกาญจนบุรี ::

สารบัญเว็บไซท์ > ท่องเที่ยว > ข้อมูล และสถานที่ท่องเที่ยว > ภาคกลาง > กาญจนบุรี

ผลการค้นหา : [ แนะนำเว็บไซท์ได้ที่นี่ ]


จังหวัดกาญจนบุรี
แนะนำข้อมูลทั่วไป สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว จองโรงแรม ที่พัก รีสอร์ท โรงแรม จังหวัดกาญจนบุรี แผนที่ การเดินทาง ร้านอาหาร เทศกาล งานประเพณี ของฝาก ประวัติความเป็นมา คำขวัญประจำจังหวัด
http://www.relaxzy.com/province/kanchanaburi/

กาญจนบุรีไกด์
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ผับและบาร์
http://www.kanchanaburiguide.com

จังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรี แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรมและรีสอร์ท การเดินทาง ร้านอาห...
http://www.kanchanaburi.com

จังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรี ประวัติความเป็นมา ดอกไม้ประจำจังหวัด ต้นไม้ประจำจังหวัด ตราประจำจ...
http://www.kanchanaburi.go.th/

จังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี แนะนำแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ที่พัก การเดินทา...
http://www.kanchanaburi-info.com

สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรี
สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสวนสัตว์เปิด สามารถคลุกคลีใกล้ชิด ป้อนอ...
http://www.safariparkkanchanaburi.com/

จังหวัดกาญจนบุรี
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรี คำขวัญ ตราประจำจังหวัด ประวัติ อาณาเขต แผนที่ ข้อมูลแหล่งท่...
http://travel.sanook.com/west/karnchanaburi/

เขื่อนวชิราลงกรณ
เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนเอนกประสงค์ ที่สร้างขึ้น เพื่อพัฒนา แหล่งน้ำ อันเป็นทรัพยากร ธรรมชาติ ให้เ...
http://vrk.egat.com

ทองผาภูมิดอทคอม
ข้อมูลต่าง ๆ ของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี คำขวัญของอำเภอ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว บ้านพัก โรง...
http://www.thongphapoom.com

กาญจนบุรี
ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลสถานที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ร้านอาหารและอื่นๆ
http://www.kanchanaburi.us

จังหวัดกาญจนบุรี
เว็บไซต์เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี
http://www.kanchanaburigo.com

งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว
งานแสดง แสง สี เสียง งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว วันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 - 5 ธันวาคม 2548
http://www.kanchanaburi.com/fest48.htm

จังหวัดกาญจนบุรี
รวมสินค้าในจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเสนอข้อมูลในจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลหน่วยงานราชการ ศูนย์ข่าว แผนท...
http://www.kanchanaburi.wethai.com

ทีมงานตั๋นแมลงปอ(เกาะคัน)
ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี แนะนำแหล่งท่องเที่ยว ประวัติ คำขวัญของจังหวัดกาญจนบุรี
http://www.geocities.com/bangkruai_team

เลกาซี ริเวอร์แคว รีสอร์ท
จองที่พักราคาพิเศษ เลกาซี ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Legacy River Kwai Resort) จังหวัดกาญจนบุรี
http://r24.org/hotelsthailand.name/kanchanaburi/legacy/

โรงแรม รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา
จองที่พัก รอยัล ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอนด์ สปา (Royal Riverkwai Resort & Spa) จังหวัดกาญจนบุรี
http://r24.org/hotelsthailand.name/kanchanaburi/royalriverkwai/

โรงแรม ริเวอร์แคว โบตานิค การ์เด้น
จองที่พัก โรงแรม ริเวอร์แคว โบตานิค การ์เด้น (River Kwai Botanic Garden) จังหวัดกาญจนบุรี
http://r24.org/hotelsthailand.name/kanchanaburi/botanic/

ผึ้งหวาน แควใหญ่ รีสอร์ท
จองที่พักราคาพิเศษ ผึ้งหวาน แควใหญ่ รีสอร์ท (Pung-Waan Kwai Yai Resort) แควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี
http://r24.org/hotelsthailand.name/kanchanaburi/kwaiyai/

คำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท
จองที่พักราคาพิเศษ คำแสด ริเวอร์แคว รีสอร์ท (Comsaed River Kwai Resort & Spa) จังหวัดกาญจนบุรี
http://r24.org/hotelsthailand.name/kanchanaburi/cumsaed/

Baan Suan Fon Hotel Kanchanaburi Kanchanaburi City
Baan Suan Peep Resort Kanchanaburi Saiyoke
Baanrai Rimkwai Resort & Hotel Kanchanaburi Kanchanaburi City
Ban Huay Ulong Resort Kanchanaburi Thong Pha Poom
Comsaed River Kwai Resort Kanchanaburi Kwai Yai
Duenshine Resort Kanchanaburi Thamakham
Felix River Kwai Resort Thamakham
Hintok River Camp Kanchanaburi Kwai Noi River
Inchantree Resort Kanchaburi Thamakham
Kasalong River Kwai Resort Kanchanaburi Kanchanaburi City
Kasem Island Resort Kanchanaburi Kanchanaburi City
Pavilion Rim Kwai Resort Kanchanaburi Kwai Yai
Pung-Waan Resort & Spa Kanchanaburi Kanchanaburi City
Pung-Waan Resort Kanchanaburi Saiyoke
River Kwai Hotel Kanchanaburi Kanchanaburi City
River Kwai Jungle Rafts Saiyoke
River Kwai Resotel Saiyoke
Riverkwai Mansionhotel Kanchanaburi Thamakham

0 ความคิดเห็น: